BGRIM เฉลิมฉลอง 175 ปี “ZEISS” ผู้บุกเบิกกล้องจุลทรรศน์ สู่นวัตกรรมแห่งอนาคต
BGRIM เฉลิมฉลอง 175 ปี ZEISS ผู้นำแห่งเลนส์ระดับโลกสัญชาติเยอรมัน จากผู้บุกเบิกกล้องจุลทรรศน์ สู่ผู้นำนวัตกรรมแห่งอนาคต
บริษัท คาร์ล ไซส์ส (ประเทศไทย) จำกัด (Carl Zeiss Co. Ltd.) ผู้นำอุตสาหกรรมเลนส์ระดับโลก สัญชาติเยอรมัน ที่ประสบความสำเร็จข้ามศตวรรษมาถึง 175 ปี ด้วยศักยภาพความแข็งแกร่งทั้งด้านคุณภาพและเทคโนโลยีที่ก้าวไกล เป็นที่ยอมรับจากหลากหลายสายงานด้านทัศนศาสตร์และออปโตอิเล็กทรอนิกส์ทั่วโลก สะท้อนวิสัยทัศน์ในการวางรากฐานทางวิทยาศาสตร์และความมุ่งมั่นสร้างสรรค์นวัตกรรมที่โดดเด่น โดยมีเป้าหมายเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของมนุษย์ให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นพร้อมสร้างประโยชน์ให้กับสังคมอย่างยั่งยืน
โดยจากจุดเริ่มต้น ณ ห้องปฏิบัติการเล็กๆ ในเมืองเยนา ประเทศเยอรมันนี ของวันที่ 17 พฤศจิกายน ค.ศ. 1846 นายช่างหนุ่มชาวเยอรมัน ชื่อ (Carl Zeiss) ได้ทดลองผลิตเครื่องกลและอุปกรณ์ทางจักษุวิทยา ที่นำไปสู่การก่อตั้งบริษัท ZEISS ในปี 1866 โดยจับมือกับ Ernst Abbe นักฟิสิกส์และนักคณิตศาสตร์ ร่วมกันยกระดับเป็นผู้ประกอบการชั้นนำด้านเทคโนโลยี นำไปสู่การสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ การพัฒนาวิทยาการที่หลากหลายทั้งด้านวิทยาศาสตร์ การแพทย์ อุตสาหกรรม จนประสบความสำเร็จระดับสากลจวบจนปัจจุบัน
สำหรับเทคโนโลยีกล้องจุลทรรศน์ของ ZEISS นั้น มีชื่อเสียงก้องโลก ได้รับความไว้วางใจใช้เป็นเครื่องมือในการค้นคว้าวิจัยจากผู้ชนะรางวัลโนเบลหลายท่าน รวมถึง Robert Koch และ Christian Neusslein-Walhard ผู้ค้นพบวัณโรคและเป็นผู้วิจัยการควบคุมทางพันธุกรรมในการพัฒนาตัวอ่อน และ Allvar Gullstrand จักษุแพทย์ชาวสวีเดน ที่ได้ร่วมมือกับ Moritz von Rohr หัวหน้าฝ่ายวิจัยและพัฒนาที่ ZEISS ทำการวิจัยเกี่ยวกับเทคโนโลยีของแสงต่อการวินิจฉัยและรักษาโรคตา จนได้รับรางวัลโนเบลจากผลงานด้าน Dioptrics เช่นกัน
อนึ่ง ZEISS ไม่เพียงแต่มีประวัติศาสตร์อันยาวนาน แต่ยังมีรูปแบบการดำเนินธุรกิจที่มีความโดดเด่นและน่าสนใจ โดยมีการจดทะเบียนการดำเนินธุรกิจในรูปแบบของมูลนิธิ โดยมีพันธกิจหลักในการสนับสนุนการศึกษาและพัฒนาวิทยาศาสตร์ รวมไปถึงส่งเสริมเรื่องธรรมชาติและเทคโนโลยี ถือได้ว่าเป็นหนึ่งในมูลนิธิที่มีความเก่าแก่และได้สร้างคุณูปการมหาศาลให้กับวงการวิทยาศาสตร์และการค้นคว้าให้แก่ประเทศเยอรมันนีและทั่วโลก
นายธีระพงษ์ บุญรอดชู กรรมการผู้จัดการ บริษัท คาร์ล ไซส์ส (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ปีนี้ ZEISS ฉลองวาระครบรอบ 175 ปี การเป็นผู้นำแห่งเลนส์ระดับโลก บริษัทฯ ภูมิใจที่เป็นส่วนหนึ่งในการสร้างประโยชน์ให้กับสังคมมาอย่างยาวนาน และเป็นหนึ่งในผู้นำเทรนด์ที่มีส่วนกำหนดอนาคตของเทคโนโลยี และพัฒนาโลกแห่งเลนส์ ที่สอดคล้องกับการเติบโตของโลกในอนาคต และบริษัทฯ ยังมีการเตรียมความพร้อมสำหรับความเปลี่ยนแปลงเพื่อการเข้าสู่ยุคดิจิทัล โดย ZEISS เป็นหนึ่งในเจ้าของเทคโนโลยีในการผลิตระบบและโมดูลสำหรับการผลิตไมโครชิปผ่านการพัฒนาอย่างต่อเนื่องของเทคโนโลยีลิโธกราฟฟี ช่วยให้สามารถผลิตโครงสร้างที่ละเอียดยิ่งขึ้นบนไมโครชิปได้ ทำให้วงจรมีขนาดเล็กลง ส่งผลให้มีไมโครชิปที่ทรงพลังและประหยัดพลังงานยิ่งขึ้น
นางสาวคาโรลีน ลิงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บี.กริม จอยน์ เว็นเจอร์โฮลดิ้ง จำกัด เปิดเผยว่า ธุรกิจของ บี.กริม เกี่ยวข้องกับการแพทย์ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีมาโดยตลอด เริ่มด้วยการเปิดห้างสยามดิสเปนซารี (Siam Dispensary) ใน ค.ศ. 1878 สมัยรัชกาลที่ 5 เป็นร้านปรุงยาแบบตะวันตกและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ทางเภสัชกรรมและเคมีภัณฑ์ บริษัทฯ เป็นผู้นำเข้ากล้องจุลทรรศน์ของคาร์ล ไซส์ส ที่ใช้ในวงการแพทย์สมัยใหม่ของยุโรปในขณะนั้นเข้ามาจำหน่ายในประเทศไทย ซึ่งมีส่วนช่วยพัฒนาให้วงการวิทยาศาสตร์และการแพทย์ของไทยมีความก้าวหน้าเป็นอย่างมาก ด้านดาราศาสตร์ บี.กริมและคาร์ล ไซส์ส ได้รับมอบหมายจากรัฐบาลไทยในปี ค.ศ. 1962 ให้เป็นผู้ก่อสร้างท้องฟ้าจำลองพร้อมติดตั้งเครื่องฉายดาวระบบเลนส์และอุปกรณ์อื่น ๆ เพื่อส่งเสริมให้เด็กไทยได้มีองค์ความรู้ด้านดาราศาสตร์ที่ทันสมัย
“ในปี ค.ศ. 1991 บี.กริม และ คาร์ล ไซส์ส เยอรมนี ได้ร่วมทุนเปิด บริษัท คาร์ล ไซส์ส (ประเทศไทย) ขึ้น เพื่อจัดจำหน่ายเครื่องมือแพทย์ เครื่องมือที่ใช้ในห้องปฏิบัติการ และผลิตภัณฑ์เพื่ออุตสาหกรรม ZEISS เป็นทั้งพันธมิตรและคู่ค้าที่ผูกพันกับเรามาอย่างอย่างแน่นแฟ้นตลอด 143 ปีที่บี.กริมดำเนินธุรกิจในประเทศไทย เราร่วมมือกันส่งเสริมวงการวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเพื่อสร้างความยั่งยื่นให้กับการดำเนินธุรกิจและการใช้ชีวิตของผู้คนในทุกภาคส่วนของสังคมไทย” นางสาวคาโรลีน กล่าว
ด้านนายธีระพงษ์ กล่าวเสริมว่า สำหรับประเทศไทยหนึ่งในพันธกิจที่สำคัญของบริษัทฯ คือ การสนับสนุนงานวิชาการและการศึกษาในด้านการแพทย์และวิทยาศาสตร์ ในส่วนของภาควิศวกรรมฯ โดยเมื่อเร็วๆ นี้ บริษัทฯ ก็ได้รับเกียรติลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) กับคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล และอีก 5 มหาวิทยาลัยชั้นนำของประเทศไทย ในโครงการ ZEISS Academic Program เพื่อร่วมมือกันพัฒนาและยกระดับบุคลากรด้านวิศวกรรมของไทยให้มีความรู้ความเชี่ยวชาญทักษะเทคโนโลยีขั้นสูง ซึ่งจะส่งผลให้อุตสาหกรรมในประเทศไทยเติบโตอย่างก้าวกระโดด และส่งเสริมอุตสาหกรรม New S-Curve และ S-Curve รองรับความต้องการแรงงานระดับสูงในระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ของประเทศไทยต่อไป
สำหรับปัจจุบัน ZEISS นับเป็นผู้นำเทคโนโลยีระดับโลกที่ดำเนินงานในอุตสาหกรรมด้านออปติคอล และออปโตอิเล็กทรอนิกส์ โดยแบ่งออกเป็น เทคโนโลยีการผลิตเซมิคอนดักเตอร์, อุตสาหกรรมและการวิจัย และเทคโนโลยีทางการแพทย์ และยังคงมุ่งมั่นพัฒนาและสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ๆ โดยเฉพาะในด้านของการแพทย์ โดยเป็นผู้ผลิตเครื่องมือที่ใช้สำหรับการผ่าตัดจุลศัลยกรรม รวมไปเทคโนโลยีเอกซ์เรย์ที่ทำให้การวินิจฉัยโรคและการรักษามนุษย์มีความแม่นยำมากยิ่งขึ้น และยังเป็นผู้ผลิตเครื่องวัดสำหรับใช้ในอุตสาหกรรมที่มีความแม่นยำและได้มาตรฐาน ซึ่งมีส่วนสำคัญในการช่วยสนับสนุนความเจริญ ก้าวหน้าทางเศรษฐกิจให้กับสังคมมาอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ในโอกาสครบรอบ 175 ปี ในเดือนพฤศจิกายน 2564 นี้ ZEISS ได้จัดกิจกรรมเพื่อเฉลิมฉลองในหลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการแสดงวิสัยทัศน์เกี่ยวกับวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ผ่านชุดการสัมภาษณ์ “Zeiss Beyond Talks” รวมไปถึงกิจกรรมบน Social Media สำหรับผู้สนใจสามารถติดตามข้อมูลเกี่ยวกับกิจกรรมดังกล่าวและเรื่องราวของ ZEISS เพิ่มเติมได้ที่ www.zeiss.com
เส้นทาง ZEISS 175 ปี สู่การเป็นผู้นำนวัตกรรมระดับโลก
1846 : วันที่ 17 พฤศจิกายน นายช่างหนุ่มชาวเยอรมัน ชื่อ Carl Zeiss ทดลองผลิตเครื่องกลที่มีความแม่นยำและผลิตอุปกรณ์ทางจักษุวิทยา ณ ห้องปฏิบัติการขนาดเล็ก ในเมืองเยนา ประเทศเยอรมันนี
1847 : Carl Zeiss เริ่มผลิตกล้องจุลทรรศน์ขั้นพื้นฐาน
1857 : Carl Zeiss และเพื่อนร่วมทีม สามารถสร้างกล้องจุลทรรศน์กำลังขยายสูงได้สำเร็จ
1860 : Carl Zeiss ร่วมงานกับอดีตอาจารย์มหาวิทยาลัยเยนา ผลิตเลนส์ใกล้วัตถุจากพื้นฐานของการคำนวณทางคณิตศาสตร์
1866 : Carl Zeiss และ Ernst Abbe นักฟิสิกส์และนักคณิตศาสตร์ ก่อตั้งบริษัท ZEISS ที่เมืองเยนา ประเทศเยอรมนี
1879 : Otto Schott นักเคมีเครื่องแก้ว ประสบความสำเร็จในการผลิตแก้วด้วยคุณสมบัติทางแสงแบบใหม่ นำไปสู่การทำงานร่วมกันกับ ZEISS เพื่อพัฒนาเลนส์คุณภาพสูง
1884 : Glaswerk Schott และ Genossen ริเริ่มโรงงานผลิตแก้ว ซึ่งคุณภาพของกระจกออปติคอลทำให้สามารถต่อยอดจากทฤษฎีของ Ernst Abbe ได้ และส่งผลให้เครื่องมือของ ZEISS ทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
1889 : Carl Zeiss เสียชีวิต Ernst Abbe จึงได้ก่อตั้งมูลนิธิ Carl Zeiss ขึ้น เพื่อส่งเสริมด้านวิทยาศาสตร์ ธรรมชาติและเทคโนโลยี
1890 : Ernst Abbe พัฒนากล้องจุลทรรศน์ให้สามารถจำกัดความละเอียดแสงได้ดียิ่งขึ้น การพัฒนานี้ ได้ถูกนำมาปรับใช้ในด้านอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับทัศนศาสตร์ และนำไปสู่การสร้างผลิตภัณฑ์ใหม่
1900 : Allvar Gullstrand จักษุแพทย์ชาวสวีเดน ร่วมมือกับ Moritz von Rohr หัวหน้าฝ่ายวิจัยและพัฒนาที่ ZEISS ทำการวิจัยเกี่ยวกับเทคโนโลยีของแสงต่อการวินิจฉัยและรักษาโรคตา และได้รับรางวัลโนเบลจากผลงานด้าน Dioptrics แบบจำลองดวงตาของ Gullstrand และการคำนวณค่าเลนส์โดย von Rohr ส่งผลต่อการพัฒนาจักษุวิทยาในปัจจุบัน
1912 : เปิดตัวกล้องจุลทรรศน์ Slit Lamp โดยอิงจากผลการวิจัยของ Gullstrand อันเป็นรากฐานของเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่สร้างความแข็งแกร่งให้กับ ZEISS
1919 : เปิดตัวไมโครมิเตอร์แบบเกลียวที่มีความแม่นยำ ที่งาน Leipzig Spring Fair สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ในด้านมาตรวิทยา ส่งผลให้ ZEISS กลายเป็นผู้ผลิตชั้นนำด้านการวัดแบบหลายมิติ ทั้งเครื่องวัดพิกัดแสงและเซ็นเซอร์หลากหลาย รวมทั้งซอฟต์แวร์มาตรวิทยาสำหรับยานยนต์ การบิน วิศวกรรมศาสตร์ พลาสติกและเทคโนโลยีทางการแพทย์ ไปจนถึงเทคโนโลยีที่เป็นนวัตกรรม เช่น เครื่องวัด X-ray 3 มิติ
1925 : เครื่องฉายดาวระบบเลนส์ชุดแรกได้ถูกสร้างขึ้นสำหรับพิพิธภัณฑ์ Deutsches ที่เมืองมิวนิก
1930 : เมืองใหญ่ทั่วโลกได้มีการก่อสร้างท้องฟ้าจำลองถึง 21 แห่ง โดยสั่งซื้อเครื่องฉายดาวระบบเลนส์จาก ZEISS
1953 : เปิดตัว OPMI® 1 กล้องจุลทรรศน์ชนิดพิเศษที่ช่วยให้จักษุแพทย์สามารถส่องเห็นดวงตาทั้งภายนอกและภายในแบบภาพ 3 มิติ อันเป็นพื้นฐานสำหรับการพัฒนากล้องจุลทรรศน์ศัลยกรรม ทุกวันนี้ ZEISS ยังคงพัฒนาการรักษาทางจักษุวิทยาและการจุลศัลยกรรมอย่างต่อเนื่อง รวมถึงเปิดตัวเทคโนโลยี ZEISS KINEVO® 900 ที่ใช้กับการผ่าตัดกระดูกสันหลังและศัลยกรรมประสาท ซึ่งประกอบด้วยนวัตกรรมมากกว่า 100 รายการและสิทธิบัตร 180 รายการ ผ่านระบบการทำงานกับหุ่นยนต์ในการสร้างภาพดิจิตอลและรูปแบบการตอบสนองต่อความช่วยเหลือที่ทันสมัย
1974 : เซ็นต์สัญญากับบริษัท Kyocera ของญี่ปุ่นผู้ผลิตกล้องถ่ายภาพ Yashica โดยใช้เลนส์ของคุณภาพสูงของ ZEISS บริษัทยังผลิตอุปกรณ์ทางด้านเลนส์อื่น ๆ อีกจำนวนมาก อาทิ กล้องส่องนก เลนส์สำหรับกล้องวิดีโอ เลนส์สำหรับกล้องดิจิทัล เลนส์สำหรับกล้องบนมือถือ เลนส์สำหรับกล้องถ่ายภาพยนตร์ เครื่องมือวัดทางอุตสาหกรรม และอุปกรณ์การแพทย์ รวมถึงผลิตเลนส์สำหรับใช้กับกล้องถ่ายภาพหลากหลายยี่ห้อ เช่น คอนแท็กซ์ (Contax), ไลกา (Leica), โรไล (Rolei), โวกท์แลนเดอร์ (Voigtlander), ฮัสเซลบลัด (Hasselblad), โซนี (Sony), โคนิกา-มินอลตา (Konica-Minolta), นิคอน (Nikon), แคนนอน (Canon), และ เพ็นแท็กซ์ (Pentax)
2019 : ZEISS ร่วมมือกับบริษัทมากมายในยุโรป รวมถึงสถาบันวิจัยต่างๆ เพื่อสร้างเทคโนโลยีทางการผลิตใหม่ๆ ที่นำไปสู่การพัฒนาของการพิมพ์หินด้วยแสง (EUV lithography) ส่งผลให้ ZEISS เป็นหนึ่งในผู้ขับเคลื่อนการเข้าสู่โลกดิจิทัล โดยเทคโนโลยีนี้มีความสำคัญอย่างมากในการลดขนาด ช่วยให้สามารถผลิตโครงสร้างที่ละเอียดยิ่งขึ้นบนไมโครชิปได้ ทำให้วงจรมีขนาดเล็กลง ไมโครชิปทรงพลังและประหยัดพลังงานยิ่งขึ้น ซึ่งส่งผลอย่างมากต่อโครงสร้างพื้นฐานสำหรับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ