“มูลนิธิเชฟแคร์ส” หนุนแคมเปญ “สานฝันปั้นเชฟรุ่นที่ 2” ยกระดับอุตสาหกรรมอาหารไทย

“มูลนิธิเชฟแคร์ส” จับมือกรมพินิจฯ-มสธ.-PIM-ท็อปเชฟของไทย หนุนแคมเปญ “สานฝันปั้นเชฟรุ่นที่ 2” สร้างโอกาส ผลักดันคนรุ่นใหม่ยกระดับอุตสาหกรรมอาหารไทยแข่งขันในเวทีโลก


มูลนิธิเชฟแคร์ส กรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน ศูนย์วิจัยการจัดการความรู้การสื่อสารเพื่อการพัฒนา (CCDKM) มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช สถาบันการจัดการปัญญาภิวัฒน์ (PIM) และกลุ่มเชฟชั้นนำของประเทศ จัดโครงการสานฝันปั้นเชฟรุ่นที่ 2  (Chef Cares Dream Academy 2)  สร้างโอกาสและเสริมศักยภาพให้กับเด็กและเยาวชนคนรุ่นใหม่ที่ด้อยโอกาสรวม 12 คน ที่มีความใฝ่ฝันอยากเป็นเชฟมืออาชีพได้เรียนรู้และฝึกทักษะการประกอบอาหารผ่านการ  “ลงมือทำจริง” จากการได้ฝึกฝนกับเชฟที่มีชื่อเสียงระดับแนวหน้าของประเทศ

โดยรวมถึงการได้พัฒนาศักยภาพด้านความคิดและทัศนคติในการดูแลของนักจิตวิทยา  และได้เพิ่มทักษะทางด้านภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสารสำหรับผู้ที่จะทำอาชีพเชฟและธุรกิจด้านอาหารผ่านการใช้แอปพลิเคชัน Boost Voice  เสริมการเรียนรู้ ซึ่งเยาวชนในโครงการฯ จะสามารถนำความรู้ที่ได้รับไปประกอบอาชีพ สร้างงาน สร้างรายได้ที่มั่นคง พร้อมเป็นเชฟมืออาชีพที่จะเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาและยกระดับอุตสาหกรรมอาหารให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกที่ยั่งยืนต่อสังคม

นางมาริษา เจียรวนนท์ ผู้ก่อตั้งมูลนิธิเชฟแคร์ส เปิดเผยว่า โครงการสานฝันปั้นเชฟรุ่นที่ 2 เป็นความมุ่งมั่นของเชฟแคร์ส ซึ่งประกอบด้วยมูลนิธิเชฟแคร์ส และเชฟแคร์ส โปกเจกต์ ซึ่งเป็นวิสาหกิจเพื่อสังคม ร่วมมือกับเชฟแนวหน้าจัดจำหน่ายอาหารพร้อมทานเพื่อสุขภาพ ผ่านช่องทาง 7-Eleven และ Lotus’s ผันกำไร 100% เป็นเงินสมทบโครงการเพื่อสังคมภายใต้มูลนิธิเชฟแคร์ส ทั้งนี้ โครงการ สานฝันปั้นเชฟรุ่นที่ 2

โดยมุ่งเน้นการสร้างโอกาสให้กับเด็กและเยาวชนไทยที่ไม่มีโอกาสทางการศึกษา หรือเยาวชนติดคดี แต่มีพฤติกรรมที่ดีจากกรมพินิจ คุ้มครองเด็กและเยาวชนได้ฝึกทักษะการทำอาหารสานฝันคนรุ่นใหม่ที่อยากจะเป็นเชฟให้ได้รับ “โอกาสที่ดี” ผ่านการเรียนรู้และลงมือทำจริง โดยจากการทำโครงการสานฝันปั้นเชฟที่จบหลักสูตรในรุ่นแรก มีหลายคนได้รับโอกาสจากเชฟที่มีชื่อเสียงให้เข้าทำงานในร้านอาหารด้วย บางคนได้มีการนำความรู้ที่ได้ไปประกอบอาชีพสามารถสร้างรายได้ที่มั่นคง ซึ่งในรุ่นที่ 2 นี้ได้พัฒนาหลักสูตรของการเรียนการสอนให้มีความเข้มข้นมากขึ้น

พร้อมทั้งเป็นรุ่นแรกที่ได้ขยายทักษะจากการเรียนรู้อาหารไทย สูตรการทำอาหารแบบสากลและขนม เรายังเพิ่มชั่วโมงทำงานจริงผ่านร้านอาหารระดับโลกอีกด้วย  นอกจากนี้ หลักสูตรยังมุ่งเน้นเพิ่มทักษะทางด้านภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสารสำหรับผู้ที่จะทำอาชีพเชฟและธุรกิจด้านอาหาร รวมไปถึงการบำบัดโดยนักจิตวิทยาชั้นนำ เพื่อเตรียมความพร้อมให้เยาวชนเหล่านี้กลับคืนสู่สังคมได้อย่างมีประสิทธิภาพ เป็นสิ่งที่เสริมศักยภาพของเด็กและเยาวชนกลุ่มนี้ให้ได้เติบโตเป็นคนดีและเก่งให้กับสังคม และขอบคุณทุกความร่วมมือที่ร่วมกันสนับสนุนสานฝันให้เยาวชนกลุ่มนี้ได้มีโอกาสเป็นเชฟระดับประเทศและโลกได้

“โครงการสานฝันปั้นเชฟรุ่นที่ 2 จะทำให้เด็กและเยาวชนที่ด้อยโอกาสได้เรียนรู้ทั้งศาสตร์และศิลป์ในการทำอาหารที่แตกต่างไปจากเดิม ดิฉันเชื่อมั่นว่าน้องๆที่มาร่วมโครงการนี้จะสามารถนำความรู้และประสบการณ์ที่ได้รับมาช่วยส่งเสริมวงการอาหารไทยที่ถือเป็นซอฟต์พาวเวอร์ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศให้เกิดความยั่งยืนได้ ดังนั้นความเปลี่ยนแปลงเริ่มต้นจากตัวเรา ขอให้ทุ่มเทมุ่งมั่นตั้งใจเพิ่มพูนความรู้ที่ได้รับพร้อมเป็นเชฟที่ดี และส่งต่อแรงบันดาลใจกับคนในสังคมต่อไป” นางมาริษา กล่าว

ด้านนายพีรธน เกษมศรี ณ อยุธยา รองประธานกรรมการมูลนิธิเชฟแคร์ส เปิดเผยว่า ยินดีกับน้องๆที่ได้เข้าร่วมโครงการสานฝันปั้นเชฟรุ่นที่ 2 ทีมงานทุกคนมีความตั้งใจอย่างมากที่จะพัฒนาหลักสูตรการเรียนการสอนให้เป็นหลักสูตรเฉพาะทางมีความพิเศษที่เน้นผลักดันให้เกิดการยกระดับวงการอาหารไทย หวังว่าน้องๆกลุ่มนี้จะเป็นตัวแทนคนรุ่นใหม่นำความรู้และประสบการณ์ที่ได้เดินตามความฝันอย่างมีพลังสามารถเป็นเชฟชั้นนำที่ไม่เพียงในประเทศไทยแต่สามารถไปแข่งขันในเวทีโลกได้

ด้าน พ.ต.ท.วรรณพงษ์ คชรักษ์ อธิบดีกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน กระทรวงยุติธรรม เปิดเผยว่า กรมฯมีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ร่วมมือกับมูลนิธิเชฟแคร์สสานฝันปั้นเยาวชนที่ด้อยโอกาสจากสถานพินิจ ซึ่งเป็นกลุ่มเยาวชนที่มีความประพฤติดี ใกล้พ้นโทษ และมีความสามารถในการทำอาหารสานฝันให้เป็นเชฟรุ่นที่ 2  โดยจากความร่วมมือกับมูลนิธิฯ ที่ได้ให้โอกาสเยาวชนในโครงการรุ่นแรกถือว่าเป็นรุ่นที่ประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี

“ขอขอบคุณมูลนิธิฯที่ได้ให้โอกาสเยาวชนกลุ่มนี้ให้พวกเขามีก้าวแรกในการสร้างชีวิตใหม่ และขอให้เยาวชนที่ได้เข้าร่วมในโครงการฯรุ่นที่ 2 นี้ยึดหลักความอดทน มีวินัย และซื่อสัตย์ในการทำฝันที่จะเป็นเชฟให้เป็นจริง พร้อมเป็นกำลังใจและเชื่อมั่นในศักยภาพของเยาวชนทุกคนจะมีส่วนช่วยสร้างประโยชน์กับสังคมได้” พ.ต.ท.วรรณพงษ์ กล่าว

ด้าน เชฟนิค หรือ นายณัฏฐพล ภวไพบูลย์ ร้านวังหิ่งห้อย ในฐานะตัวแทนอาสาสมัครเชฟที่มาร่วมสอนในโครงการสานฝันปั้นเชฟรุ่นที่ 2 เปิดเผยว่า โครงการนี้จะทำให้เด็กและเยาวชนไทยได้เรียนรู้และทำความฝันที่จะอยากจะเป็นเชฟให้ประสบความสำเร็จมากขึ้น เพราะตลอดระยะเวลา 10 เดือนที่น้องๆจะได้รับความรู้และทักษะการทำอาหารทั้งภาคทฤษฎีและปฏิบัติ รวมทั้งวินัยของการจะเป็นผู้ที่ทำอาหารที่ดีจากเชฟชั้นนำที่พร้อมถ่ายทอดประสบการณ์ให้อย่างเต็มที่

โดยเตรียมพร้อมให้น้องๆก้าวเข้าสู่ชีวิตการทำงานจริง หวังว่าน้องๆ ทุกคนจะได้นำความรู้ไปสานฝันตัวเองให้เป็นจริงได้ สิ่งสำคัญต้องบอกตัวเองว่าเราทำได้ พอทำสำเร็จเราจะเกิดความภาคภูมิใจ

ขณะที่ น้องตั้ม ตัวแทนเยาวชนผู้ได้รับโอกาสจากโครงการสานฝันปั้นเชฟรุ่นที่ 2  เปิดเผยว่า ขอบคุณมูลนิธิเชฟแคร์สที่ได้จัดทำโครงการสานฝันปั้นเชฟครั้งนี้ขึ้นมา เป็นเหมือนแสงสว่างให้เด็กที่ชอบทำอาหาร และมีความฝันที่อยากจะทำอาชีพเชฟให้ได้มีพื้นที่ให้เราได้เรียนรู้ มีเป้าหมายได้ทำในสิ่งที่รัก ตลอดทั้งหลักสูตรจะมุ่งมั่นตั้งใจใช้ทุกช่วงเวลาที่ได้เข้าร่วมโครงการนี้ การได้ฝึกทำอาหารรู้เทคนิคจากเชฟที่มีชื่อเสียง การได้ฝึกความรู้ภาษาอังกฤษ และประสบการณ์ต่างๆที่จะได้รับนำมาพัฒนาตนเองให้เดินตามความฝันที่จะเป็นเชฟมืออาชีพให้ได้

Back to top button