ADVANC จับมือ KTB ขยายโครงการ “พอยท์เพย์” แลกส่วนลด “ร้านค้าถุงเงิน” ทั่วไทย
ADVANC จับมือ KTB ต่อยอดคนละครึ่ง เดินหน้าขยาย “โครงการพอยท์เพย์” ส่งเสริมร้านค้าทั่วไทย กระตุ้นการใช้จ่ายของลูกค้า ขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ
นายปรัธนา ลีลพนัง หัวหน้าคณะผู้บริหารกลุ่มลูกค้าทั่วไป บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ ADVANC หรือ AIS เปิดเผยว่า วันนี้สถานการณ์ภาพรวมของประเทศมีสภาวะการชะลอตัวของระบบเศรษฐกิจ ซึ่งเกิดจากแรงกดดันหลายปัจจัยทั้งในประเทศและต่างประเทศ เริ่มส่งผลกระทบโดยตรงต่อผู้ประกอบการ และกำลังซื้อของผู้บริโภค
ดังนั้นภารกิจของ AIS ที่เดินหน้าทำควบคู่ไปกับการพัฒนาบริการดิจิทัลสำหรับคนไทยแล้ว เรายังให้ความสำคัญกับการสนับสนุนภาคธุรกิจรายย่อย รวมถึงการแบ่งเบาภาระของลูกค้าไปพร้อมๆ กัน เพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยพลิกฟื้นระบบเศรษฐกิจฐานรากให้เกิดการหมุนเวียนของรายได้ ในฐานะฟันเฟืองเล็กที่ช่วยพยุงกำลังซื้อให้เดินหน้าต่อได้
ทั้งนี้ จึงเป็นเหตุผลสำคัญในการทำงานร่วมกับธนาคารกรุงไทย ตั้งแต่ ปี 2564 ที่ผ่านมา กับการเปิดตัวโครงการพอยท์เพย์ ที่เชื่อมต่อให้ร้านค้าถุงเงินที่อยู่ในระบบของธนาคารกรุงไทย ซึ่งเป็นร้านค้ารายย่อย ร้านค้าริมทาง ร้านอาหาร ร้านค้าในตลาด ซึ่งมีมากกว่า 400,000 ร้าน มาเป็นแหล่งที่ลูกค้าเอไอเอส สามารถนำคะแนนสะสม AIS Points มาใช้ชำระค่าสินค้าได้ อันถือเป็นการสนับสนุนให้ทั้งร้านค้า และลูกค้าเอไอเอสไปพร้อมๆ กันในแง่ของการลดภาระค่าใช้จ่ายประจำวัน
โดยเฉพาะหมวดอาหาร อีกทั้งยังเป็นการกระตุ้นการจับจ่ายให้เกิดรายได้หมุนเวียนกับบรรดาร้านค้าถุงเงินทั่วประเทศ ทั้งนี้เชื่อว่า ด้วยความคุ้นชินของประชาชนในการใช้งาน application ผ่านมือถือจะทำให้เกิดความสะดวก ปลอดภัย และเข้าถึงสิทธิพิเศษจากความร่วมมือนี้ได้เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ แน่นอน
ด้าน นายธวัชชัย ชีวานนท์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ผู้บริการสายงาน สายงานบริหารจัดการทางการเงิน เพื่อธุรกิจ ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTB กล่าวว่า โครงการพอยท์เพย์ เป็นความร่วมมือครั้งสำคัญ และการผสานจุดแข็งของ 2 องค์กรชั้นนำของประเทศที่มีเป้าหมายเดียวกันคือ การนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีมาพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการให้ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าอย่างรอบด้าน พร้อมเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ
โดยสนับสนุนการใช้จ่ายที่ร้านค้าถุงเงิน เพื่อช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งให้ร้านค้ารายย่อย ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญของเศรษฐกิจไทย ทำให้ร้านค้ารายย่อย มีโอกาสขายสินค้าเพิ่มขึ้น นอกเหนือจากโครงการสนับสนุนจากภาครัฐ สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ X2G2X ของธนาคาร ที่ต้องการต่อยอดจากภาครัฐในสู่ทุกส่วนที่เกี่ยวข้อง
สำหรับโครงการ “พอยท์เพย์” เป็นการใช้จุดแข็งของธนาคารกรุงไทยด้านเทคโนโลยี ในการพัฒนาดิจิทัลแพลตฟอร์มและช่องทางการรับชำระค่าสินค้า และค่าบริการมาต่อยอดให้ร้านค้าถุงเงิน รับชำระเงินผ่านช่องทางดิจิทัลได้คล่องตัวขึ้น โดยสามารถใช้คะแนนสะสมของพันธมิตรชำระแทนเงินสดได้ ผนวกกับความแข็งแกร่งของ AIS ในฐานะผู้นำตลาดธุรกิจโทรคมนาคม มอบสิทธิพิเศษสำหรับลูกค้าให้สามารถใช้เอไอเอส พอยท์ 2 คะแนน แทนเงินสดได้ 1 บาท แลกส่วนลดเงินสดในการซื้อสินค้าและบริการจากร้านค้าถุงเงินที่เข้าร่วมโครงการแล้วจำนวน 400,000 ร้านค้าจาก 1.6 ล้าน ร้านค้าทั่วประเทศ
โดยในอนาคตมีแผนขยายประเภทของร้านค้าถุงเงินให้หลากหลายขึ้น เช่น ร้านสะดวกซื้อ ที่พัก โรงแรม การขนส่ง เพื่อให้รองรับและครอบคลุมการใช้งานของลูกค้าได้ทั่วประเทศ สำหรับร้านค้าที่สนใจเข้าร่วมโครงการพอยท์เพย์ สามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.ais.th/พอยท์ช่วยจ่าย และ https://krungthai.com/th/content/personal/pointpay
อย่างไรก็ดี การเข้าร่วมเป็นร้านค้าถุงเงินในโครงการพอยท์เพย์ทำให้ร้านสามารถทำรายได้เพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก เป็นอีกตัวช่วยสำหรับร้านเล็กๆ ให้เข้าถึงเทคโนโลยีที่การจ่ายเงินที่ลูกค้าคุ้นเคย เพิ่มโอกาสให้ร้านสามารถขายของได้ง่ายขึ้น เพราะการมีโครงการพอยท์เพย์เข้ามา เหมือนช่วยลูกค้าให้มีทางเลือก ทั้งส่วนที่อยากใช้คะแนนเป็นส่วนลด หรือจะใช้จ่ายทั้งหมด ทำให้เหมือนกับมีโปรโมชั่นดีๆ ให้ลูกค้า ซึ่งถือว่าช่วยได้มาก เพราะแม้จะจบโครงการคนละครึ่งไป แต่ก็ยังมีพอยท์เพย์เข้ามาเพิ่มเติมก็เป็นอีกตัวช่วยให้เราขายของได้ดีขึ้น
“วันนี้มีลูกค้าที่อยู่ในโปรแกรม AIS Points กว่า 20 ล้านคน มีคะแนนสะสมของลูกค้ากว่า 2,600 ล้านคะแนน ที่พร้อมจะแปลงเป็นโอกาสของร้านค้าให้มีตัวช่วยในการดำเนินธุรกิจต่อไป ซึ่งเชื่อว่าศักยภาพของ AIS ในฐานะผู้นำด้านการให้บริการดิจิทัล จะช่วยส่งเสริมความร่วมมือครั้งนี้กับธนาคารกรุงไทยในการกระตุ้นการใช้จ่ายของลูกค้า เพื่อเป็นพลังสำคัญต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากระดับเส้นเลือดฝอยในทุกพื้นที่ของประเทศให้เกิดการเติบโตได้อย่างยั่งยืน” นายปรัธนา กล่าว