“ก.ล.ต.” จับมือ “สถานฑูตสวิส” จัดงานสัมมนา ส่งเสริมบล็อกเชน-สินทรัพย์ดิจิทัล
“ก.ล.ต.” ร่วมกับ สถานเอกอัครราชทูตสวิสเซอร์แลนด์ ประจำประเทศไทย จัดงานสัมมนา “Blockchain Industry and Policy Development Workshop” เพื่อแลกเปลี่ยนมุมมองความรู้ ส่งเสริมธุรกิจด้านเทคโนโลยีบล็อกเชนและสินทรัพย์ดิจิทัล
สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ร่วมกับสถานเอกอัครราชทูตสวิสเซอร์แลนด์ ประจำประเทศไทย จัดงานสัมมนา “Blockchain Industry and Policy Development Workshop” เพื่อแลกเปลี่ยนมุมมองเกี่ยวกับภาพรวมและการกำหนดนโยบายในการส่งเสริมและสนับสนุนธุรกิจด้านเทคโนโลยีบล็อกเชนและสินทรัพย์ดิจิทัลในประเทศสวิสเซอร์แลนด์และไทย
โดยการสัมมนาในครั้งนี้ได้รับเกียรติจาก Mr. Mathias Ruch ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Crypto Valley Venture Capital และ Dr. Hans Kuhn ผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายจากประเทศสวิสเซอร์แลนด์ ร่วมเป็นวิทยากรพิเศษ โดยมี H.E. Ms. Helene Budliger Artieda เอกอัครราชทูตสวิตเซอร์แลนด์ ประจำประเทศไทย กล่าวต้อนรับผู้เข้าร่วมสัมมนา และนางสาวรื่นวดี สุวรรณมงคล เลขาธิการ ก.ล.ต. กล่าวเปิดงาน ซึ่งมีกรรมการ ก.ล.ต. ผู้แทนสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ผู้แทนธนาคารแห่งประเทศไทย และผู้แทนสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และสำนักงาน ก.ล.ต. เข้าร่วมสัมมนา เมื่อวันที่ 15 มิถุนายน 2565 ณ สถานเอกอัครราชทูตสวิสเซอร์แลนด์ ประจำประเทศไทย
H.E. Ms. Helene Budliger Artieda เอกอัครราชทูตสวิตเซอร์แลนด์ ประจำประเทศไทย กล่าวว่า เทคโนโลยีบล็อกเชนในประเทศสวิสเซอร์แลนด์ที่มีการเติบโตอย่างรวดเร็ว และมีการนำมาใช้ประโยชน์อย่างหลากหลายโดยเฉพาะการต่อยอดนวัตกรรมทางการเงินและสินทรัพย์ดิจิทัล ซึ่งยังมีโอกาสอีกมากในการต่อยอดและพัฒนานวัตกรรมในด้านอื่นๆ ที่จะเป็นประโยชน์ต่อภาคธุรกิจและประชาชน ทำให้แนวโน้มการนำเทคโนโลยีบล็อกเชนมาใช้ประโยชน์ในชีวิตจริงมากขึ้น
สำหรับการร่วมมือระหว่างประเทศไทยและประเทศสวิสเซอร์แลนด์ในการแลกเปลี่ยนมุมมองความรู้ด้านเทคโนโลยีบล็อกเชน จะเป็นประโยชน์ต่อการกำหนดนโยบายการกำกับดูแลและสนับสนุนเทคโนโลยีที่เหมาะสม ขณะที่ภาคธุรกิจยังสามารถสร้างโอกาสและเติบโตได้จากการพัฒนาและต่อยอดเทคโนโลยีซึ่งเป็นประโยชน์ต่อการส่งเสริมเศรษฐกิจต่อไป
นางสาวรื่นวดี สุวรรณมงคล เลขาธิการ ก.ล.ต. กล่าวว่า ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญและประโยชน์ที่ได้รับจากพัฒนาการของเทคโนโลยีมาโดยตลอด โดยเฉพาะเทคโนโลยีบล็อกเชนที่มีประโยชน์อย่างมากในหลายด้าน เช่น การเพิ่มความปลอดภัย การเพิ่มประสิทธิภาพ และความโปร่งใส เป็นต้น ดังนั้น เทคโนโลยีบล็อกเชนสามารถนำมาใช้เป็นหนึ่งในเครื่องมือพื้นฐานสำหรับกำหนดนโยบายการส่งเสริมและพัฒนาด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยีของประเทศ เพื่อเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัล ตามแผนระดับชาติว่าด้วยการพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม และแผนพัฒนารัฐบาลดิจิทัลได้
โดยปัจจุบัน ก.ล.ต. ได้ร่วมกับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย สมาคมบริษัทหลักทรัพย์ไทย และสมาคมธนาคารไทย เพื่อผลักดันการพัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล (Digital Infrastructure) ที่มีการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีข้างต้น และเตรียมนำมาทดสอบการออกหุ้นกู้เอกชนภายใต้โครงการ Sandbox โดยคาดว่าการพัฒนาจะแล้วเสร็จพร้อมทดสอบในช่วงไตรมาส 4 ของปี 2565 ซึ่งเป็นโครงการที่หน่วยงานของรัฐร่วมมือกับภาคเอกชน
สำหรับการบรรยายโดยผู้เชี่ยวชาญ Mr. Mathias Ruch ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Crypto Valley Venture Capital ได้มีความเห็นเกี่ยวกับเทคโนโลยีบล็อกเชนว่าเป็นเทคโนโลยีที่มีศักยภาพในการสร้างโอกาส การเปลี่ยนแปลง และการพัฒนาในทุกภูมิภาคของโลก ทั้งในยุโรป อเมริกา แอฟริกา รวมถึงเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และมองว่าประเทศไทยมีศักยภาพสูงที่จะเป็นผู้นำในด้านเทคโนโลยีบล็อกเชนในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้ ทั้งนี้ ในประเทศสวิสเซอร์แลนด์ การสนับสนุนจากภาครัฐและการมีกฎเกณฑ์กำกับดูแลที่เหมาะสมเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ธุรกิจด้านบล็อกเชนมีการเติบโต และทำให้สามารถดึงดูดผู้ประกอบธุรกิจและแข่งขันกับประเทศอื่นๆ ได้
นอกจากนี้ ผู้เข้าร่วมงานสัมมนาได้มีการแลกเปลี่ยนมุมมองเชิงนโยบายการกำกับดูแลที่เกี่ยวข้อง เช่น ความท้าทายในการกำกับดูแลภายใต้พัฒนาการทางเทคโนโลยีที่มีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ความสำคัญของการเรียนรู้และการมีส่วนร่วมทั้งจากภาครัฐและเอกชนในการส่งเสริมด้านเทคโนโลยีร่วมกัน รวมถึงหลักการในการกำกับดูแลสินทรัพย์ดิจิทัลที่ควรกำกับดูแลตามความเสี่ยง เพื่อการคุ้มครองผู้ลงทุนและส่งเสริมภาคธุรกิจที่มีศักยภาพให้สามารถใช้เทคโนโลยีในการต่อยอดเพื่อสร้างคุณค่าและประโยชน์ต่อเศรษฐกิจและประเทศได้ เป็นต้น