SPALI คว้ารางวัล “SCG Green Choice” ตอกย้ำที่อยู่อาศัยรักษ์โลก
SPALI จับมือ เอสซีจี ชูนวัตกรรมการใช้วัสดุก่อสร้างที่ได้รับฉลากเอสซีจี กรีนชอยส์ ขับเคลื่อนนวัตกรรมที่อยู่อาศัยสีเขียวพลิกฟื้นสิ่งแวดล้อม สู่สังคมคาร์บอนต่ำ
นายไตรเตชะ ตั้งมติธรรม กรรมการผู้จัดการ บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) หรือ SPALI เปิดเผยว่า บริษัทฯ เป็นผู้พัฒนาธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่มีความเชี่ยวชาญในการพัฒนาที่อยู่อาศัย พร้อมแนวคิดการพัฒนาองค์กรอย่างยั่งยืน ทั้งด้านสิ่งแวดล้อม (Environment) สังคม (Social) และบรรษัทภิบาล (Governance) หรือ ESG มาอย่างต่อเนื่อง เริ่มตั้งแต่การเข้าไปพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยโดยคำถึงการออกแบบให้สอดคล้องกับสภาพแวดล้อมรอบโครงการ เช่นการอนุรักษ์ต้นไม้ใหญ่ในพื้นที่ให้เป็นร่มเงาจากธรรมชาติ รวมถึงการออกแบบบ้านและคอนโดมิเนียมของศุภาลัย ภายใต้แนวคิด Green Design เน้นการประหยัดพลังงาน และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
โดยในปี 2565 บริษัทฯ มีการตั้งเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก 25% ภายใน 3 ปี (ปี 2565-2567) เพื่อเป็นการสนับสนุนนโยบายของภาครัฐในการลดก๊าซเรือนกระจก และเป็นส่วนหนึ่งในการบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของโลก พร้อมร่วมกับพันธมิตรธุรกิจที่มีนโยบายดูแลสิ่งแวดล้อม ซึ่งทางเอสซีจีเป็นบริษัทผู้ผลิตและจัดจำหน่ายวัสดุก่อสร้าง ที่เป็นพันธมิตรธุรกิจของศุภาลัยมาอย่างยาวนาน โดยมีนวัตกรรมการใช้วัสดุก่อสร้างที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และมีการรับรองฉลากเอสซีจี กรีนชอยส์ ทั้งนี้ ศุภาลัยถือเป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์รายแรกที่ได้รับโล่เกียรติคุณ SCG Green Choice Sustainable Leader ซึ่งแสดงถึงความตั้งใจและมุ่งมั่นในการมีส่วนร่วมเพื่อรักษาสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน
ทั้งนี้บริษัทฯ มุ่งมั่นให้ความสำคัญกับการเลือกใช้วัสดุที่ประหยัดพลังงาน ลดโลกร้อน ประหยัดทรัพยากรและยืดอายุการใช้งานของวัสดุในการพัฒนาโครงการบ้านและคอนโดมิเนียมของศุภาลัยทั่วประเทศกว่า 100 โครงการ รวมถึงการเปิดตัวโครงการใหม่ในปี 2565 นี้จำนวน 34 โครงการ และโครงการใหม่ในปีหน้าอีกด้วย เนื่องจากทำให้ผู้อยู่อาศัยในโครงการบ้านและคอนโดมิเนียมของศุภาลัย สามารถประหยัดค่าน้ำประปา อาทิ การเลือกใช้ก๊อกน้ำและสุขภัณฑ์ คอตโต้ ช่วยลดการใช้น้ำในครัวเรือนได้ถึง 516,787,053 ลิตรต่อปี
นอกจากนี้บริษัทฯ และลูกบ้านของศุภาลัย ยังมีส่วนช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากกระบวนการผลิตวัสดุ 564 ตัน เทียบเท่าปริมาณการดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์ของต้นไม้ 47,000 ต้นภายใน 1 ปี ด้วยการใช้วัสดุคอนกรีตรักษ์โลก ซีแพค อิฐมวลเบา คิวคอน และไม้เชิงชาย เอสซีจี ขณะที่กระเบื้องปูพื้นและบุผนัง เซรามิก กระเบื้องเกรซพอสเลน กระเบื้องโมเสก คอตโต้ ช่วยประหยัดน้ำจากการผลิตวัสดุ 7,650,132 ลิตร อีกทั้งฉนวนกันความร้อน เอสซีจี ทดแทนการใช้ทรายธรรมชาติ กระเบื้องหลังคาคอนกรีต เอสซีจี รุ่นซีแพค ทดแทนการใช้ปูนซีเมนต์ โครงหลังคาสำเร็จรูป เอสซีจี ประหยัดการใช้เหล็ก ทั้งนี้การใช้วัสดุต่างๆ ดังกล่าวจะขึ้นอยู่กับการใช้งานของแต่ละโครงการของศุภาลัย
ด้านนายนิธิ ภัทรโชค กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธุรกิจซีเมนต์และผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง SCG กล่าวว่า เอสซีจี ในฐานะของบริษัทผู้ผลิตและจัดจำหน่ายวัสดุก่อสร้าง ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งใน Value ให้ความสำคัญกับการพัฒนาสินค้าวัสดุก่อสร้าง รวมทั้งบริการ และโซลูชั่นที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยเน้นการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่าผ่านกระบวนการผลิตที่มีประสิทธิภาพสูงสุด ตอบโจทย์ด้านการประหยัดพลังงาน ยืดอายุการใช้งาน และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ซึ่งจะช่วยลดผลกระทบต่อภาวะโลกร้อน รวมถึงเสริมสร้างสุขอนามัยที่ดีให้กับผู้อยู่อาศัย ผ่านการรับรองด้วยฉลาก “SCG Green Choice” เช่น ผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม สามารถลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในกระบวนการผลิต อาทิ คอนกรีตรักษ์โลก อิฐมวลเบา และไม้เชิงชาย เป็นต้น
สำหรับความมุ่งมั่นร่วมกันในครั้งนี้จะเป็นส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อมในอุตสาหกรรมก่อสร้างให้เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม ยกระดับอุตสาหกรรมก่อสร้างไทยให้เติบโตยั่งยืน ควบคู่กับเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมต่อไปในอนาคต