“ก.ล.ต.” จัดเสวนา “ก้าวต่อไปของตลาดทุนไทยในทศวรรษหน้า” ฉลองครบรอบ 30 ปี

"ก.ล.ต." จัดงานเสวนา "ก้าวต่อไปของตลาดทุนไทยในทศวรรษหน้า" ครบรอบก่อตั้ง 30 ปี ร่วมแลกเปลี่ยนประสบการณ์ ความคิดเห็น มุมมองและข้อเสนอแนะต่อการพัฒนาตลาดทุนไทยในอนาคต


สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ หรือ (ก.ล.ต.) จัดงานเสวนา “ก้าวต่อไปของตลาดทุนไทยในทศวรรษหน้า” ในโอกาสครบรอบก่อตั้ง 30 ปี โดยอดีตเลขาธิการ 6 ท่าน รวมถึงมีการร่วมแลกเปลี่ยนประสบการณ์ ความคิดเห็น มุมมอง และข้อเสนอแนะต่อการพัฒนาตลาดทุนไทยในอนาคต

สำหรับการสัมมนาในครั้งนี้ นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ให้เกียรติกล่าวปาฐกถาพิเศษ ในหัวข้อ “การพัฒนาตลาดทุนไทยเพื่อก้าวต่อไปในทศวรรษหน้า” โดย ก.ล.ต. พร้อมนำมุมมองและข้อเสนอแนะที่ได้รับไปใช้ในการกำหนดทิศทางการดำเนินงาน เพื่อพัฒนาตลาดทุนไทยให้มั่นคงและยั่งยืนร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการฟื้นฟูและพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศต่อไป

โดยในปัจจุบันนอกจากตลาดเงินและตลาดทุนแล้ว ยังมีตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลเข้ามาเป็นส่วนเพิ่มจากบริบทเดิม เป็นสิ่งที่กระทรวงการคลัง ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และ ก.ล.ต. หารือร่วมกันมาโดยตลอดถึงขอบเขตการกำกับดูแลภายใต้กฎหมายที่มีอยู่ เพื่อปิดช่องว่างที่มีอยู่ ซึ่งต้องมีปรับปรุงแก้ไขกฎหมายในบางประเด็น โดยกฎเกณฑ์ที่มีอยู่นั้น เป็นไปเพื่อส่งเสริมการทำธุรกิจของภาคเอกชน แต่ขณะเดียวกันจะต้องไม่เอาเปรียบประชาชน จึงเป็นหน้าที่ของหน่วยงานกำกับดูแลในการรักษาสมดุลให้ได้

“นอกจากนี้ ก.ล.ต. ยังมีบทบาทในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการระดมทุนในการสร้างโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ผ่านผลิตภัณฑ์การลงทุนใหม่ ๆ ในตลาดทุน รวมทั้งการดำเนินนโยบายโมเดลเศรษฐกิจใหม่ คือ เศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียนและเศรษฐกิจสีเขียว (Bio-Circular-Green Economy : BCG) ของภาครัฐ” นายอาคม กล่าว

นายเอกกมล คีรีวัฒน์ เลขาธิการ ก.ล.ต. ปี 2535-2538 กล่าวว่า ดีใจที่อยู่ถึงครบรอบ ก.ล.ต. 30 ปี ได้เห็น ก.ล.ต.ผ่านร้อนผ่านหนาวด้วยดี และมีส่วนร่วมในการพัฒนาประเทศในด้านตลาดทุนอย่างยั่งยืน พร้อมมองการกำกับดูแลสินทรัพย์ดิจิทัลนับเป็นความท้าทายของสำนักงาน ก.ล.ต. ระยะต่อไป เนื่องจากกฎเกณฑ์ในการกำกับดูแลด้านนี้เป็นเรื่องใหม่ที่ไม่เหมือนกฎเกณฑ์เดิม เพราะควบคุมต้นน้ำไม่ได้ จึงต้องมีการกำกับดูแลผ่านผู้ประกอบธุรกิจตัวกลาง เช่น ศูนย์ซื้อขาย

โดยการกำกับดูแลในแต่ละประเทศก็ไม่เหมือนกัน บางประเทศก็ไม่ยอมรับ บางประเทศก็จัดสินทรัพย์ดิจิทัลให้อยู่ในตลาดสินทรัพย์ทางเลือก บางประเทศธนาคารกลางต้องดูแล ดังนั้น จึงเป็นความท้าทายที่สำคัญ แต่เชื่อว่าหากวางกฎเกณฑ์กำกับดูแลที่ดีก็จะสามารถก้าวต่อไปอย่างมั่นคงและยั่งยืน

นายปกรณ์ มาลากุล ณ อยุธยา เลขาธิการ ก.ล.ต. ปี 2538-2542 กล่าวว่า ในอนาคตดิจิทัลเทคโนโลยีจะมีบทบาทต่อการพัฒนาตลาดทุนไทยมากขึ้น ก.ล.ต. ต้องปรับเปลี่ยนบทบาทเป็นผู้ประสานงานให้มากขึ้น ให้ผู้มีส่วนได้เสียเข้ามามีส่วนร่วมในพัฒนา

โดยสิ่งที่อยากจะเน้นให้ ก.ล.ต. ดำเนินการต่อไป คือ การเพิ่มคุณภาพของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ และการกระตุ้นให้บริษัทจดทะเบียนเข้าเป็นแนวร่วมต่อต้านคอร์รัปชัน เพื่อส่งเสริมให้บริษัทจดทะเบียนยึดการทำธุรกิจที่คำนึงถึงหลักธรรมาภิบาล สังคม สิ่งแวดล้อม (ESG) เพิ่มบริษัทจดทะเบียนในอุตสาหกรรมที่สอดคล้องกับเศรษฐกิจใหม่ส่งเสริมผู้ประกอบการรายย่อยให้เข้าถึงแหล่งเงินทุนได้หลากหลายมากขึ้น รวมทั้งส่งเสริมด้านผู้ลงทุนทั้งผู้ลงทุนบุคคล รวมถึงผู้ลงทุนสถาบัน

นายประสาร ไตรรัตน์วรกุล เลขาธิการ ก.ล.ต. ปี 2542-2546 กล่าวว่า ในทศวรรษหน้าตลาดทุนไทยจะมีบทบาทมากขึ้นในระบบการเงิน และการจัดสรรทรัพยากรทุน เพื่อสนับสนุนการเติบโตของเศรษฐกิจไทยอย่างยั่งยืนให้ทั่วถึงทุกภาคส่วนแรงผลักดันเรื่องความยั่งยืนจากหลายภาคส่วนในตลาดทุน เช่น บริษัทจดทะเบียน, ตัวกลางทางการเงิน, นักลงทุนสถาบัน คนรุ่นใหม่, ภาคนโยบาย, รัฐบาล และความร่วมมือระหว่างประเทศจะเป็น market force ที่ขับเคลื่อนให้ตลาดทุนพัฒนาอย่างยั่งยืน

นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล เลขาธิการ ก.ล.ต. ปี 2546-2554 กล่าวว่า ในปัจจุบันโลกมีความท้าทายจากเศรษฐกิจดิจิทัล 3 ด้าน ประกอบด้วยความพยายามของประเทศฝั่งตะวันออกที่จะเป็นอิสระจากการที่ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐและจีนจะเข้ามามีบทบาทในการค้าโลก ซึ่งจะทำให้ไทยอาจต้องพัฒนาระบบ เพื่อรองรับดิจิทัลหยวน รวมถึงการพัฒนาดิจิทัลเคอร์เรนซี ซึ่งเป็นความท้าทายของหน่วยงานกำกับดูแลที่จะเข้ามามีบทบาทในการวางแผน และบริหารจัดการ รวมทั้งวางแผนรองรับเศรษฐกิจดิจิทัลในอนาคต สำหรับสินทรัพย์ดิจิทัลเป็นหน้าที่ของหน่วยงานกำกับดูแลที่จะทำให้เกิดสมดุลระหว่างการพัฒนาเพื่อทำให้เกิดประโยชน์ทางเศรษฐกิจและการเก็งกำไร

นายวรพล โสคติยานุรักษ์ เลขาธิการ ก.ล.ต. ปี 2554-2558 กล่าวว่า ตลอดเวลาที่ผ่านมา ก.ล.ต. ได้มีส่วนผลักดันในการพัฒนาตลาดเงินตลาดทุนของประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเตรียมความพร้อมเพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในอนาคต ภารกิจที่ ก.ล.ต. ต้องทำต่อไป คือ ต้องเป็นองค์กรที่พึ่งพาได้ ฝากอนาคตได้ในทุกภาคส่วน เป็นหุ้นส่วน (visionary and strategic partners) ในการทำงานด้วยกันร่วมกับภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง โดยมีเป้าหมายชัดเจนในการสร้างการเติบโตอย่างมั่นคงยั่งยืน รวมถึงต้องสนับสนุนให้ผู้ลงทุนมีความรู้ทางด้านการเงินและการลงทุนเพื่อให้สามารถคุ้มครองตัวเองได้ รวมถึงต้องเตรียมพร้อมรับมือกับวิกฤตที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต

นายรพี สุจริตกุล เลขาธิการ ก.ล.ต. ปี 2558-2562 กล่าวว่า การพัฒนาตลาดทุนไทยในช่วงทศวรรษหน้าจะมีความท้าทายเป็นอย่างยิ่ง พร้อมการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของสภาพเศรษฐกิจและสังคม ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องกับตลาดทุนจึงต้องเตรียมพร้อมที่จะรับมือกับการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ไม่ว่าจะเป็น ก.ล.ต. เองซึ่งทำหน้าที่กำกับดูแล และส่งผ่านนโยบายที่สำคัญตัวกลางซึ่งเป็นผู้ประกอบการที่ให้บริการ รวมถึงคำแนะนำแก่ลูกค้า แต่ที่สำคัญที่สุดก็คงเป็นการเตรียมตัวของนักลงทุนซึ่งจะต้องมีความเข้าใจในเรื่องสินค้าที่จะนำเงินไปลงทุน รวมทั้งความเสี่ยงที่จะตามมาด้วย

นางสาวรื่นวดี สุวรรณมงคล เลขาธิการ ก.ล.ต. ณ ปัจจุบัน กล่าวว่า ปีนี้เป็นปีพิเศษอย่างยิ่งที่ ก.ล.ต. ได้ดำเนินการมาครบ รอบ 30 ปี โดยตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา อดีตเลขาธิการ ก.ล.ต. ทั้ง 6 ท่าน ได้นำพา ก.ล.ต. ก้าวผ่านสถานการณ์ต่างๆ รวมถึงความท้าทายจากภายในประเทศ และต่างประเทศมาได้

โดยในวันนี้ทุกท่านได้ร่วมให้มุมมองและข้อเสนอแนะที่เป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อการกำหนดทิศทางการดำเนินงานของ ก.ล.ต. จากการพัฒนาตลาดทุนไทยภายใต้บริบท VUCA World Digital Disruption และโลกการเงินในอนาคต ซึ่ง ก.ล.ต. จะนำมุมมอง และข้อเสนอแนะ ประกอบกับแนวนโยบายที่ได้รับจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง รวมทั้งความร่วมมือจากทุกภาคส่วนในตลาดทุน หน่วยงานภาครัฐและเอกชนไปเป็นพลังสำคัญในการร่วมพัฒนาตลาดทุนไทยให้มีความยั่งยืน พร้อมเป็นส่วนหนึ่งในการฟื้นฟู เดินหน้าพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศและตลาดทุนไทย

ทั้งนี้ งานเสวนา “ก้าวต่อไปของตลาดทุนไทยในทศวรรษหน้า” จัดขึ้นวันที่ 7 ตุลาคม 2565 ณ โรงแรมสยามเคมปินสกี้ กรุงเทพฯ และถ่ายทอดสดหรือรับชมย้อนหลัง ได้ทางเพจเฟซบุ๊ก สำนักงาน ก.ล.ต.

Back to top button