CHG ก้าวล้ำผ่าตัดรักษา “โรคอ้วน” คนไทยไร้พุง
CHG เปิดมิติใหม่ ของการลดความอ้วน ที่เห็นผลได้จริง โดยการผ่าตัด-ส่องกล้อง ลดขนาดกระเพาะ ชูจุดเด่น “แผลเล็กกว่าสะดือ” เจ็บน้อย ฟื้นตัวไว ทางเลือกใหม่ที่ช่วยให้คนไทยห่างไกลจาก “โรคอ้วน” พร้อมวางเป้ายกระดับสู่ความเป็นผู้นำแห่งภาคตะวันออก
แพทย์หญิง ภิรญา ใจดีเจริญ ผู้จัดการแผนกครีเอทีฟ มาร์เก็ตติ้ง โรงพยาบาลจุฬารัตน์ 3 อินเตอร์ ในเครือบริษัท โรงพยาบาลจุฬารัตน์ จำกัด (มหาชน) หรือ CHG เปิดเผยว่า ภาวะน้ำหนักเกิน หรือ โรคอ้วน ถือเป็นภัยเงียบในร่างกาย โดยในปัจจุบันประเทศไทยมีผู้ป่วยโรคอ้วนมากถึงประมาณ 9% ของประชากรทั้งหมด หรือประมาณ 6 ล้านคน ซึ่งสูงเป็นอันดับ 2 ในอาเซียน รองจากมาเลเซีย และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากการใช้ชีวิตประจำวัน และการดำเนินวิถีชีวิตที่เปลี่ยนไป รวมถึงความเร่งรีบต่างๆ ตลอดจนการบริโภคอาหารจำพวกแป้ง และน้ำตาลมากขึ้น การออกกำลังกายที่น้อยลง ซึ่งส่งผลให้เกิดภาวะโรคอ้วนโดยที่ไม่รู้ตัว
นอกจากนี้ โรคอ้วนยังมีความเสี่ยงที่อาจก่อให้เกิดโรคต่างๆตามมา เช่น โรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง ไขมันพอกตับ โรคหยุดหายใจขณะนอนหลับ ข้อเข่าเสื่อม โรคถุงน้ำรังไข่หลายใบ โรคหลอดเลือดหัวใจและสมอง โดยผู้ที่มีตั้งแต่อายุ 40 ปีขึ้นไป ทุกๆค่าดัชนีมวลกายที่เพิ่มขึ้นครั้งละหนึ่งจะทำให้ผู้ป่วยมีอายุขัย เฉลี่ยลดลง 8-10 ปี เทียบกับคนน้ำหนักปกติ ซึ่งในทางการแพทย์จะแนะนำให้ลดน้ำหนักด้วยการควบคุมอาหารและออกกำลังกาย แต่หลายคนไม่สามารถลดน้ำหนักด้วยวิธีดังกล่าวได้ ยกตัวอย่างเช่น คนที่น้ำหนักตั้งต้น 150 กิโลกรัม หากต้องการจะลดน้ำหนักลงให้เหลือ 75 กิโลกรัมได้ในระยะเวลาหนึ่งปีนั้น จึงทำได้ยากเพราะน้ำหนักเยอะ และหัวเข่ามักจะมีปัญหาไม่สามารถออกกําลังกายหนักๆได้ หรือแค่เดินก็จะรู้สึกเหนื่อย ดังนั้นการผ่าตัดกระเพาะอาหารเพื่อลดน้ำหนัก จึงเป็นหนึ่งทางเลือกใหม่สำหรับผู้ที่ต้องการลดน้ำหนักแบบรวดเร็ว และเห็นผลได้จริง
ทั้งนี้ศูนย์ผ่าตัดผ่านกล้อง ลดอ้วนลดโรค โรงพยาบาลจุฬารัตน์ 3 อินเตอร์ จัดตั้งขึ้นเพื่อให้คำปรึกษาและดูแลคนไข้ที่เข้าเกณฑ์การผ่าตัดรักษาโรคอ้วนอันตรายที่มีดัชนีมวลกายตั้งแต่ 32.5 ขึ้นไป ร่วมกับมีโรคประจําตัวที่เกี่ยวเนื่องกับความอ้วน หรือผู้ที่ไม่มีโรคประจําตัว แต่มีค่าดัชนีมวลกายตั้งแต่ 37.5 ขึ้นไป ที่พยายามจะลดน้ำหนักด้วยตัวเอง ทั้งการควบคุมอาหารและออกกำลังกายมาแล้วแต่ไม่ได้ผล
โดยในการผ่าตัดดังกล่าวศัลยแพทย์จะใช้กล้องและเครื่องมือขนาดเล็กสอดผ่านเข้าไปตัดกระเพาะอาหาร เพื่อลดขนาดกระเพาะอาหารให้เล็กลง ลดการดูดซึมของกระเพาะอาหาร ให้เหลือกระเพาะอาหารในส่วนที่จำเป็นและเพียงพอกับความต้องการของร่างกาย และมีการตัดกระเพาะอาหารส่วนที่คอยสร้างฮอร์โมนหิวออกไปด้วย ทำให้หลังผ่าตัดผู้ป่วยจะรับประทานอาหารได้น้อยลง โดยที่ไม่รู้สึกหิวหรือรู้สึกหิวน้อยลง ส่วนรอยแผลจะมีขนาดเล็ก เพียง 3 รู ความยาวประมาณ 1.5-2 เซนติเมตรเท่านั้น
สำหรับการเปลี่ยนแปลงหลังจากการผ่าตัดรักษา จากข้อมูลสถิติการติดตามน้ำหนักจำนวน 900 ราย ที่ได้รับการผ่าตัดที่ศูนย์ผ่าตัดผ่ากล้องโรงพยาบาลจุฬารัตน์ 3 อินเตอร์ พบว่า ใน 1 เดือนแรกน้ำหนักจะลดลงได้ประมาณ 10% ของน้ำหนักตั้งต้น ในเดือนที่ 3 น้ำหนักจะลดลงประมาณ 20% ส่วนเดือนที่ 6 น้ำหนักจะลดลงประมาณ 30% และภายใน 1 ปี น้ำหนักจะลดลงได้ 40% ยกตัวอย่างให้เห็นได้ชัดๆ คือ หากน้ำหนักเริ่มต้นก่อนผ่าตัดอยู่ที่ 100 กิโลกรัม หลังผ่าตัดเดือนแรก จะลดน้ำหนักได้ประมาณ 10 กิโลกรัมในเดือนแรก ในเดือนที่สามน้ำหนักจะลดลงได้ประมาณ 20% คือเหลือ 80 กิโลกรัม พอถึงเดือนที่ 6 น้ำหนักจะลดลงประมาณ 30% คือเหลือ 70 กิโลกรัม และเมื่อครบ 1 ปี หากสามารถที่จะดูแลตัวเองได้ ปรับการกินได้ มีการออกกำลังกายช่วย น้ำหนักจะสามารถลดลงไปได้ถึง 40-50% นั่นคือเหลือน้ำหนักเพียง 50-60 กิโลกรัม
นอกจากนี้น้ำหนักที่จะลดลงได้จริงแล้ว การผ่าตัดกระเพาะสามารถรักษาโรคร่วมต่างๆ ที่สัมพันธ์กับโรคอ้วนได้ เช่น โรคเบาหวาน, โรคความดันโลหิตสูง, โรคไขมันในเลือดสูง, โรคถุงน้ำรังไข่หลายใบ เป็นต้น จึงทำให้หลังการผ่าตัดผู้ป่วยส่วนใหญ่ สามารถหยุดยาโรคประจําตัวหรือลดยาที่รับประทานลงได้
“ภายหลังการผ่าตัดส่องกล้องตัดกระเพาะอาหารลดน้ำหนัก ศูนย์ผ่าตัดผ่านกล้องรพ.จุฬารัตน์3 อินเตอร์ ยังมีการดูแลแบบต่อเนื่องครบวงจร มีการสร้างชุมชนของคนที่เป็นแฟนคลับ ที่มีความสนใจในเรื่องของการผ่าตัดกระเพาะอาหาร ทั้งที่กำลังศึกษาหาข้อมูล กำลังอยู่ในกระบวนการรักษา รวมทั้งผู้ที่เคยได้รับการผ่าตัดไปแล้ว มีคุณหมอและทีมแอดมิน มาร่วมพูดคุยกันอย่างใกล้ชิด ให้คำแนะนำ ให้กำลังใจในการปฏิบัติตัว การเลือกการทานอาหาร และการออกกำลังกาย เพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้ทุกท่านสามารถที่จะดูแลตัวเองได้ และสามารถที่จะลดน้ำหนักได้อย่างยั่งยืน” แพทย์หญิงภิรญา กล่าว
ขณะเดียวกัน กลุ่มโรงพยาบาลจุฬารัตน์ ยังคงให้ความสำคัญในการให้บริการทางการแพทย์ ห่วงใยสุขภาพผู้ที่มีน้ำหนักเกิน ให้มีรูปร่างอยู่ในสัดส่วน และน้ำหนักที่เหมาะสม สนับสนุน และส่งเสริมการสาธารณสุขให้ประชาชนในทุกวัยมีสุขภาพดี โดยเดินหน้าขยายขีดความสามารถด้านศักยภาพทางการแพทย์ ขยายศูนย์ผ่าตัดผ่านกล้อง “ลดอ้วนลดโรค” ไปยังโรงพยาบาลจุฬารัตน์ชลเวช โรงพยาบาลจุฬารัตน์ระยอง และโรงพยาบาลจุฬารัตน์ 11 ภายใต้คำนิยาม “ มากกว่า ความมั่นใจ คือการมีสุขภาพที่ดี” มีชีวิตใหม่ไร้พุง ที่โรงพยาบาลจุฬารัตน์ 3 อินเตอร์ เพื่อก้าวสู่ความเป็นเป็นเลิศทางการแพทย์และเป็นผู้นำในภาคตะวันออกของประเทศ (Star of the East)