DTCENT ปลื้ม! ยอดจองซื้อ “ไอพีโอ” หมดเกลี้ยง พร้อมลงสนามเทรด 15 ธ.ค.นี้
DTCENT ปลื้ม! ยอดจองซื้อ “ไอพีโอ” จำนวน 305 ล้านหุ้นหมดเกลี้ยง ตอกย้ำผู้นำ GPS Tracking เบอร์ 1 ของไทย ชูจุดแข็งให้บริการ IoT Solutions ครบวงจร เตรียมลงสนามเทรดวันแรกใน SET วันที่ 15 ธ.ค.65
นายกิตติพันธ์ ภูษณวรรณ กรรมการผู้จัดการอาวุโส บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด ในฐานะผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญของ บริษัท ดี.ที.ซี. เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด (มหาชน) หรือ DTCENT เปิดเผยว่า ผลการจองซื้อหุ้น IPO ของ DTCENT จำนวน 305 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) 0.50 บาท/หุ้น ในราคาหุ้นละ 2.86 บาท ระหว่างวันที่ 1-2 และ 6 ธันวาคม 2565 ที่ผ่านมา ได้รับความสนใจจากนักลงทุนจองซื้อเต็มจำนวน เนื่องจากนักลงทุนเชื่อมั่นปัจจัยพื้นฐานของ DTCENT ในฐานะผู้นำระบบติดตามยานพาหนะ GPS Tracking อันดับ 1 ในประเทศไทย (อ้างอิงจากข้อมูลกรมการขนส่งทางบกในเดือนมกราคม 2565)
รวมถึงการที่หุ้น DTCENT กำหนดราคาหุ้นอยู่ในระดับที่เหมาะสมกับปัจจัยพื้นฐานของบริษัทที่แข็งแกร่ง มีการออกแบบและพัฒนาระบบซอฟต์แวร์ รวมทั้งการพัฒนา IoT Solution และ AI ได้ตามความต้องการของลูกค้ามาโดยตลอด ส่งผลให้มีผลการดำเนินงานที่ดีต่อเนื่อง ทั้งนี้ DTCENT เตรียมเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ในวันที่ 15 ธันวาคม 2565 ใช้ชื่อย่อในการซื้อขายว่า “DTCENT” ในหมวดเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ICT)
“การเสนอขายหุ้นไอพีโอของ DTCENT ถือว่าประสบความสำเร็จและมีกระแสตอบรับที่ดี แสดงให้เห็นถึงความเชื่อมั่นว่า เป็นหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่ง มีการให้บริการในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารอย่างครบวงจร และมีศักยภาพการเติบโตในอนาคต สำหรับการระดมทุนครั้งนี้ จะช่วยเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันให้มากยิ่งขึ้น ซึ่งจะสามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีให้นักลงทุน” นายกิตติพันธ์ กล่าว
ด้าน นายเอกจักร บัวหภักดี กรรมการผู้จัดการ บริษัท แคปปิตอล วัน พาร์ทเนอร์ จำกัด ที่ปรึกษาทางการเงิน DTCENT กล่าวว่าจุดเด่นของ DTCENT ประกอบด้วย มีทีมผู้บริหารและทีมงานมีความเชี่ยวชาญและประสบการณ์มากกว่า 25 ปี มีพันธมิตรทางธุรกิจ ทั้ง บริษัท ยาซากิ เอ็นเนอร์จี ซิสเท็ม คอร์ปอเรชั่น (YES) ถือหุ้นใน DTCENT จำนวน 18% ก่อนการเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนครั้งแรก (IPO) โดย YES จะร่วมพัฒนาให้ DTCENT เป็น Tier 1 Supplier ในการดำเนินธุรกิจ OEM สำหรับอุปกรณ์ GPS Tracking และ Telematics ให้กับบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ชั้นนำทั้งในประเทศและต่างประเทศ
ส่วนของบริษัท บุญรอด ซัพพลายเชน จำกัด (BRS) ถือหุ้นจำนวน 15% ก่อนการเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนครั้งแรก (IPO) ซึ่งถือเป็นพันธมิตรหลักที่จะเข้ามาส่งเสริมเพิ่มศักยภาพให้แก่บริษัทในด้านการวิเคราะห์ข้อมูล (Data Analytics) และพัฒนาผลิตภัณฑ์ Supply Chain Solutions ใหม่ๆ เพื่อช่วยลดต้นทุนและเสริมประสิทธิภาพในการทำงานให้แก่กลุ่มผู้ประกอบการโลจิสติกส์
ขณะที่ นายทศพล คุณะเพิ่มศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ DTCENT กล่าวว่า ต้องขอขอบคุณนักลงทุนทุกท่านที่ให้ความเชื่อมั่นและเข้าลงทุนในหุ้น DTCENT เพื่อเพิ่มศักยภาพในการเติบโตในอนาคต โดยบริษัทเตรียมนำเงินที่ได้จากการระดมทุนในครั้งนี้ไปใช้ในการลงทุนสร้างศูนย์บริหารจัดการและบริการข้อมูลยานพาหนะ (Vehicle Monitoring and Support Center) และเพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการประกอบกิจการ รวมทั้งใช้เป็นเงินลงทุนอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อเป็นการรองรับการขยายธุรกิจได้ในอนาคต
“นอกจากธุรกิจ GPS Tracking แล้ว กลุ่มบริษัทมีแผนในการพัฒนาผลิตภัณฑ์และโซลูชั่นใหม่ที่ต้องใช้เทคโนโลยีขั้นสูงเพื่อเป็นระบบอัจฉริยะในกลุ่มงาน IoT อันประกอบด้วย ระบบบริหารจัดการน้ำ, ระบบ SMART CITY SOLUTION หรือระบบบริหารการจัดการองค์กรส่วนท้องถิ่น, BAMS (Business Activity Management System), BIM (Building Information Modeling), EV Platform, Logistics Demand-Supply Matching Platform และระบบ AI สำหรับงาน IoT ซึ่งบริษัทฯ คาดหวังว่า ธุรกิจดังกล่าวจะช่วยสร้างรายได้และมาร์จิ้นเพิ่มขึ้นอีกด้วย” นายทศพลกล่าว
โดยปัจจุบัน DTCENT มีบริษัทย่อย 3 บริษัท ได้แก่ บริษัท วิศวกรรม ซอฟต์แวร์ จำกัด (WS), บริษัท ไทย ดิจิทัล แมพ จำกัด (TDM) และบริษัท ดี คอร์ ซิสเต็ม อินทิเกรเตอร์ จำกัด (DCORE) โดยบริษัทฯ ถือหุ้นในสัดส่วนร้อยละ 90%, 95% และ 90% ตามลำดับ
สำหรับภาพรวมผลการดำเนินงานย้อนหลังในปี 2562 กลุ่มบริษัทมีรายได้รวม 810.94 ล้านบาท และในปี 2563 บริษัทมีรายได้รวม 639.38 ล้านบาท และในปี 2564 บริษัทมีรายได้รวม 591.53 ล้านบาท ส่วนงวด 9 เดือน 2565 บริษัทมีรายได้รวม 479.72 ล้านบาท
ขณะที่มีกำไรสุทธิในปี 2562 อยู่ที่ 166.49 ล้านบาท และในปี 2563 มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 109.12 ล้านบาท และในปี 2564 มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 77.24 ล้านบาท ส่วนงวด 9 เดือนมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 52.39 ล้านบาท