CPF จับมือ “มูลนิธิ LPN” ส่งเสริม-คุ้มครอง “สิทธิมนุษยชน” ขับเคลื่อนองค์กรสู่สากล
CPF ร่วมมือกับมูลนิธิ LPN บูรณาการทำงานขับเคลื่อนการส่งเสริมสิทธิมนุษยชนภายในองค์กรมาอย่างต่อเนื่อง พร้อมร่วมตรวจประเมินกระบวนการจ้างงานพนักงานอย่างมีจริยธรรม เพื่ออยู่ภายใต้กฎหมาย โปร่งใส
บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ CPF ตระหนักถึงความเสี่ยงประเด็นด้านสิทธิมนุษยชน ดำเนินงานเชิงรุกเพื่อส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชนในองค์กรต่อเนื่อง ร่วมมือกับมูลนิธิเครือข่ายส่งเสริมคุณภาพชีวิตแรงงาน (Labour Protection Network Foundation: LPN) องค์กรประชาสังคมพันธมิตร สานต่อโครงการจัดอบรมด้านสิทธิมนุษยชนแก่พนักงาน และการดำเนินงานศูนย์รับฟังเสียงพนักงาน “Labour Voices Hotline by LPN” เป็นปีที่ 5 พร้อมร่วมตรวจประเมินกระบวนการจ้างงานพนักงานอย่างมีจริยธรรม เพื่อให้มั่นใจการสรรหาแรงงานต่างชาติของซีพีเอฟอยู่ภายใต้กฎหมาย โปร่งใส มีความเป็นธรรม และมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง
ด้าน นางสาวพิมลรัตน์ รีพัฒนาวิจิตรกุล ประธานผู้บริหารทรัพยากรบุคคล CPF กล่าวว่า บริษัทมีนโยบายจ้างงานอย่างมีจริยธรรม ปฏิบัติต่อแรงงานถูกต้องตามกฎหมาย เท่าเทียมและเป็นธรรม ไม่เลือกปฏิบัติโดยสิ้นเชิง (Zero-Tolerance Approach) ส่งเสริมความหลากหลายและยอมรับความแตกต่าง
โดยมีการจ้างพนักงานต่างชาติจากประเทศต้นทางเป็นพนักงานโดยตรงของบริษัท ได้รับค่าตอบแทนและสวัสดิการอย่างเสมอภาคและเท่าเทียมกับพนักงานชาวไทย ซึ่งเป็นไปตามกรอบการดำเนินงานที่ส่งเสริมการเคารพสิทธิมนุษยชนและการปฏิบัติด้านแรงงานที่ดีภายใต้กระบวนการตรวจประเมินสถานะด้านสิทธิมนุษยชนอย่างรอบด้าน (Human Rights Due Diligence : HRDD) ซีพีเอฟเริ่มตรวจประเมินสถานะด้านสิทธิมนุษยชนอย่างรอบด้านตั้งแต่ปี 2559 และจัดทำทุก 3 ปี รวมถึงทบทวนความเสี่ยงและมาตรการการจัดการเป็นประจำทุกปี ซึ่งเป็นหนึ่งในเป้าหมายในการพัฒนาองค์กรสู่ความยั่งยืนภายใต้กลยุทธ์ CPF 2030 Sustainability in Action
ขณะที่ในปีนี้ ซีพีเอฟมีการตรวจประเมินความเสี่ยงด้านสิทธิมนุษยชน (Human Rights Risk Assessment : HRRA) เพื่อระบุความเสี่ยงสำคัญและลดโอกาสเกิดผลกระทบด้านสิทธิมนุษยชนจากการดำเนินธุรกิจตลอดห่วงโซ่คุณค่าของกิจการในและต่างประเทศรวม 17 ประเทศ ครอบคลุมพนักงานของบริษัทและกลุ่มผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่ม ครอบคลุมกลุ่มความหลากหลายเรื่องเพศ (LGBTQI+) เชื้อชาติ ศาสนา กลุ่มผู้บกพร่องทางร่างกาย และผู้เปราะบาง รวมถึงกระบวนการตรวจประเมินดังกล่าวยังครอบคลุมถึงบริษัทร่วมทุนและกิจการควบรวมด้วย
นอกจากนี้ ซีพีเอฟ ได้เลือกประเมินผลกระทบด้านสิทธิมนุษยชน (Human Rights Impact Assessment :HRIA) ใน “กลุ่มพนักงาน” (Employees) ในประเทศไทย ว่าได้รับผลกระทบจากความเสี่ยงแท้จริง (Actual Risks) อย่างไร รวมถึงการประเมินประสิทธิภาพของมาตรการควบคุมต่างๆ นำไปการบรรเทาผลกระทบให้ได้มากที่สุด
สำหรับความร่วมมือกับมูลนิธิ LPN เป็นหนึ่งในความมุ่งมั่นของซีพีเอฟที่จะให้พนักงานต่างชาติได้รับการปฏิบัติที่ดี และเข้าถึงสิทธิอย่างเสมอภาคและเท่าเทียม จึงพัฒนาหลักสูตรจัดอบรมด้านสิทธิมนุษยชนเฉพาะสำหรับพนักงานกลุ่มเปราะบาง รวมถึงพนักงานต่างชาติ ซึ่งในปีที่ผ่านมา การวัดผลความเข้าใจหลังอบรมแสดงให้เห็นว่าพนักงานมีความเข้าใจมากขึ้นในเรื่องสิทธิแรงงานและสิทธิมนุษยชน ขณะเดียวกัน ซีพีเอฟยังสนับสนุนกิจกรรมหรือให้ความสะดวกแก่พนักงานต่างชาติ เช่น จัดให้มีล่ามประจำโรงงาน ทำหน้าที่ให้ความช่วยเหลือพนักงานต่างชาติขณะทำงานและใช้ชีวิตอยู่ในประเทศไทยอย่างมั่นใจ พร้อมทั้งเปิดโอกาสให้พนักงานต่างชาติเข้าร่วมเป็นสมาชิกคณะกรรมการสวัสดิการในสถานประกอบการ เพื่อให้ข้อเสนอแนะแก่บริษัทได้นำไปพัฒนาสภาพแวดล้อมการทำงานและสวัสดิการที่เหมาะสมกับพนักงานทุกกลุ่มต่อไป เพื่อให้มั่นใจว่าพนักงานซีพีเอฟทุกคนได้รับการปฏิบัติที่ดีตามมาตรฐานสากล
ส่วน นายสมพงค์ สระแก้ว ผู้อำนวยการและผู้ก่อตั้งมูลนิธิ LPN กล่าวว่า มูลนิธิ LPN และ ซีพีเอฟบูรณาการทำงานขับเคลื่อนการส่งเสริมสิทธิมนุษยชนภายในองค์กรมาอย่างต่อเนื่อง ช่วยสร้างความมั่นใจว่าพนักงานของซีพีเอฟทุกคน ทุกระดับ ทั้งแรงงานไทยและแรงงานข้ามชาติได้รับการปฏิบัติที่ดีตามมาตรฐานสากล
โดยในปี 2565 มูลนิธิฯ จัดกิจกรรมอบรมด้านสิทธิมนุษยชนแก่พนักงานของซีพีเอฟในสถานประกอบการทั่วประเทศ โดยยังเน้นให้ความรู้เรื่องสิทธิมนุษยชน กฎหมายแรงงาน ความปลอดภัยและอาชีวอนามัยในการทำงาน ส่งเสริมการใช้ช่องทางศูนย์รับฟังเสียงพนักงาน “Labour Voices Hotline by LPN” เปิดโอกาสให้พนักงานได้แสดงความเห็น ข้อเสนอแนะ รวมถึงข้อร้องเรียนต่างๆ ได้อย่างอิสระ
อีกทั้งมูลนิธิ LPN ได้ร่วมตรวจประเมินสถานะการจัดจ้างพนักงานต่างชาติตามหลักการการจ้างงานอย่างมีจริยธรรม (Ethical Recruitment) ในรูปแบบ social audit โดยการสอบถามและพูดคุยกับพนักงานต่างชาติ เพื่อให้ซีพีเอฟมั่นใจว่าการดำเนินงานดังกล่าวเป็นไปด้วยความรับผิดชอบ ถูกต้องตามกฎเกณฑ์ มีความโปร่งใส และเพื่อพัฒนาขั้นตอนการจัดจ้างพนักงานต่างชาติให้รัดกุมและสอดคล้องกับมาตรฐานสากล และลดโอกาสเกิดการใช้แรงงานอย่างผิดกฎหมาย แรงงานขัดหนี้ ซึ่งอาจนำไปสู่ปัญหาแรงงานบังคับและการค้ามนุษย์