“เครือซีพี” ได้รับเลือกสมาชิก “The Sustainability Yearbook 2023”
“เครือซีพี” ติดสมาชิกความยั่งยืนระดับโลกกลุ่มอุตสาหกรรม Industrial Conglomerates ใน The Sustainability Yearbook 2023 ต่อเนื่อง 2 ปีซ้อน ตอกย้ำเป้าหมาย Net Zero Emission ภายในปี 73
นายศุภชัย เจียรวนนท์ ประธานคณะผู้บริหาร เครือเจริญโภคภัณฑ์ (ซีพี) เปิดเผยว่า เครือซีพีในฐานะเอกชนไทยที่มีความมุ่งมั่นและมีเป้าหมายที่จะเป็นผู้นำด้านความยั่งยืนระดับโลกมีความภูมิใจเป็นอย่างยิ่งที่ได้รับติดอันดับการประเมินความยั่งยืนในรายงาน The Sustainability Yearbook 2023 ต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 โดยเป็นการประเมินและวิเคราะห์จากผลการดำเนินงานด้านความยั่งยืนของเครือซีพีทั้ง 3 มิติ ได้แก่ ด้านสิ่งแวดล้อม ด้านสังคม และด้านเศรษฐกิจและธรรมาภิบาล
โดยในปีนี้เครือซีพีได้รับการพิจารณา และประเมินจากผลงานโดดเด่นที่มีคะแนนภาพรวมของมิติด้านสิ่งแวดล้อม และกลยุทธ์ด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศสูงที่สุด ด้วยการพิจารณาจากผลการดำเนินการบริหารจัดการสิ่งแวดล้อมในทุกด้านตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ ไม่ว่าจะเป็นระบบพื้นฐานการบริหารจัดการสิ่งแวดล้อม การใช้พลังงาน การใช้น้ำอย่างมีประสิทธิภาพ การลดและการจัดการของเสีย และการควบคุมมลพิษทางอากาศ จนทำให้ได้รับคะแนนการประเมินมิติด้านสิ่งแวดล้อมอยู่ที่ร้อยละ 84 ส่งผลให้เครือซีพีก้าวขึ้นเป็นผู้นำในด้านดังกล่าวของอุตสาหกรรม Industrial Conglomerates
นับเป็นความสำเร็จอีกก้าวหนึ่งของเครือฯ และถือเป็นการตอกย้ำเป้าหมายสำคัญที่บริษัทตระหนักและเร่งหาแนวทางในการทำธุรกิจลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศมาโดยตลอด ทั้งนี้เครือซีพีได้มีการประกาศเป้าหมายนำองค์กรสู่การเป็น Net Zero Emission ภายในปี 2573 พร้อมผลักดันวาระของโลกตามข้อตกลงปารีส (Paris Agreement) ดังนั้นการทำธุรกิจของเครือซีพีจึงคิดไปพร้อมกับการตั้งเป้าหมายความยั่งยืนในการพัฒนาสินค้า ผลิตภัณฑ์ และบริการให้ผู้บริโภคโดยไม่ก่อผลกระทบในเชิงลบต่อโลก
นายศุภชัย กล่าวต่ออีกว่า เครือซีพียังได้รับการประเมินจาก S&P Global ว่าเป็นบริษัทที่ให้ความสำคัญในด้านของเศรษฐกิจและธรรมาภิบาล ทั้งการสร้างการมีจรรยาบรรณในการดำเนินธุรกิจ การบริหารจัดการความเสี่ยง การพัฒนานวัตกรรม และการยกระดับความปลอดภัยด้านไซเบอร์ ซึ่งเครือซีพีได้รับผลการประเมินในด้านนี้ที่ร้อยละ 73 ในขณะที่มิติด้านสังคม ซึ่งพิจารณาจากการบริหารจัดการบุคลากรของบริษัทอย่างเป็นธรรม โดยเครือซีพีได้ยึดแนวทางอยู่ร่วมกันด้วยความเคารพในความแตกต่างและหลากหลายของพนักงาน การดูแลความเป็นอยู่ที่ดี การอบรมเพื่อให้มีความรู้ การยกระดับสุขภาพและความปลอดภัยของทั้งพนักงาน ผู้รับเหมา และชุมชน รวมไปถึงการป้องกันการละเมิดสิทธิมนุษยชนตลอดห่วงโซ่คุณค่า ซึ่งเครือซีพีได้รับผลการะประเมินในด้านนี้ที่ร้อยละ 76
สำหรับการได้รับรางวัลครั้งนี้ไม่เพียงแสดงให้เห็นถึงแนวทางความยั่งยืนทุกมิติที่บริษัทให้ความสำคัญ แต่ยังเป็นการย้ำให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจที่ต้องสร้างประโยชน์ให้กับทุกประเทศที่เข้าไปลงทุนตามหลักค่านิยม “3 ประโยชน์” ของเครือซีพีควบคู่ไปกับการบริหารองค์กรที่มีเป้าหมายยุทธศาสตร์ความยั่งยืนสู่ปี 2573 ภายใต้ 3 เสาหลักคือ Heart – Health – Home อย่างชัดเจน เพราะฉะนั้นการได้รับการประเมินความยั่งยืนในระดับสากลนี้จึงสอดคล้องกับความมุ่งมั่นของเครือซีพีสู่การเป็น “ผู้นำองค์กรแห่งความยั่งยืน” และเป็นสิ่งที่แสดงถึงการยอมรับจากผู้มีส่วนได้เสียในระดับสากลต่อการเป็นบริษัทที่มีความมุ่งมั่นในการดำเนินงานด้านความยั่งยืนต่อเนื่อง
“เครือซีพีกำลังก้าวสู่ศตวรรษใหม่ที่มีความท้าทายในการปรับเปลี่ยนรูปแบบการดำเนินธุรกิจให้สอดคล้องกับโลกที่มีบริบททางเศรษฐกิจและสังคมที่เปลี่ยนไป ถือเป็นโอกาสและความท้าทายของทุกกลุ่มธุรกิจในเครือฯ ที่จะต้องเพิ่มขีดความสามารถทางธุรกิจควบคู่ไปกับการสร้างคุณค่าให้ผู้มีส่วนได้เสียทุกฝ่ายการได้คะแนนติด TOP 5% ในกลุ่มอุตสาหกรรม Industrial Conglomerates จึงเป็นกระจกสะท้อนว่าเราได้บรรลุเป้าหมายไปอีกขั้นในการพัฒนาธุรกิจให้เติบโตควบคู่ไปกับการสร้างความยั่งยืนให้สังคมและประเทศได้ตรงตามทิศทางและเป็นไปตามหมุดหมายที่เราตั้งเป้าไว้ ก้าวต่อไปของพนักงานเครือซีพีเราต้องสร้างความเชื่อว่า เราต้องทำมากกว่าเดิม เพื่อให้โลกดีขึ้นกว่าเดิมให้ได้” ซีอีโอเครือซีพี กล่าว
สำหรับการจัดอันดับในรายงาน The Sustainability Yearbook ปี 2566 เป็นรายงานที่ได้รับความเชื่อมั่นในกลุ่มนักลงทุนและเป็นที่ยอมรับในระดับโลก โดยมีบริษัทเข้าร่วมการประเมินรวม 7,800 บริษัทจากทั่วโลก และมีเพียง 708 บริษัทที่ได้รับการคัดเลือกจัดอันดับใน The Sustainability Yearbook ปี 2566
อย่างไรก็ตามองค์กรที่ได้รับการคัดเลือกให้ติดอันดับในรายงานฉบับนี้จะต้องผ่านการทำแบบประเมิน Corporate Sustainability Assessment หรือ CSA ซึ่งเป็นแบบประเมินที่มีความเข้มข้นที่ใช้ในการจัดอันดับดัชนีความยั่งยืนของบริษัททั่วโลก โดยจะต้องได้รับคะแนนการประเมินในภาพรวมอยู่ใน 15-30% สูงสุดของอุตสาหกรรมนั้นๆ จึงจะได้รับการคัดเลือกให้เป็นสมาชิกของ The Sustainability Yearbook 2023 ซึ่งในปีนี้มีบริษัทไทยเพียง 38 องค์กร ที่ได้รับการจัดอันดับ ซึ่งนอกจากเครือซีพียังมีบริษัทในเครือฯ ที่ติดอันดับในรายงานดังกล่าว ได้แก่ บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ CPF, บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ CPALL, บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TRUE และ บริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน) หรือ MAKRO