ORI ปลื้ม! กวาดยอดขายงานมหกรรม “บ้าน-คอนโด” 520 ล้าน กระแสตอบรับเยี่ยม

นายอภิสิทธิ์ สุนทรชูเกียรติ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออริจิ้น คอนโดมิเนียม จำกัด อยู่ในเครือ บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ORI ผู้พัฒนาธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ครบวงจร เปิดเผยว่า จากการเข้าร่วมออกบูธงานมหกรรมบ้านและคอนโดครั้งที่ 44 ณ​ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ เมื่อวันที่ 2-5 พ.ย.66 ที่ผ่านมา บริษัทสามารถทำยอดขายบ้านจัดสรรและคอนโดมิเนียมทุกเซ็กเมนท์รวมกันได้มากกว่า 140 ยูนิต คิดเป็นยอดขายรวมประมาณ 520 ล้านบาท

“โดยภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์จะได้รับผลกระทบจากความผันผวนของสถานการณ์เศรษฐกิจโลกและภาวะสงครามในต่างประเทศ อีกทั้งการปรับขึ้นของอัตราดอกเบี้ย แต่ความต้องการของกลุ่มเรียลดีมานด์ยังคงมีอยู่ในหลากหลายทำเล Key Success สำคัญในการลุยตลาด คือ การมีสินค้าที่มีฟังก์ชันโดดเด่น ดีไซน์โดนใจ และการมีโปรโมชั่นที่เข้าใจลูกค้า เพื่อช่วยกระตุ้นการตัดสินใจซื้อ ทั้งนี้บริษัทให้ความสำคัญอย่างมากกับ 2 ปัจจัยดังกล่าว จึงช่วยให้ผู้บริโภคสามารถเข้าถึงโครงการต่างๆ ได้ง่ายขึ้น และช่วยให้บริษัทได้รับการตอบรับที่ดีจากผู้บริโภค” นายอภิสิทธิ์ กล่าว

สำหรับ กลุ่มโครงการคอนโดพร้อมอยู่ (Ready to move) ถือเป็นกลุ่มโครงการที่ผู้บริโภคให้ความสนใจมากที่สุด คิดเป็นยอดขายรวมเกือบ 300 ล้านบาท หรือมากกว่า 60% ของยอดขายในงานทั้งหมด โดยแบรนด์ที่ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากผู้บริโภค และสามารถทำยอดขายได้เป็นอันดับ 1 ในงานมหกรรมบ้านและคอนโดครั้งที่ 44 คือ แบรนด์ “ดิ ออริจิ้น”

อีกทั้งเป็นแบรนด์คอนโดมิเนียมที่เจาะตลาดกลุ่มรุ่นใหม่วัย Gen Z และกลุ่มผู้เพิ่งเริ่มต้นทำงาน (First Jobber) ใส่ใจทั้งฟังก์ชันและทำเลที่โดนใจคนรุ่นใหม่ ใกล้รถไฟฟ้า พร้อมกับราคาที่เข้าถึงได้ อาทิ โครงการ ดิ ออริจิ้น ลาดพร้าว-บางกะปิ (The Origin Ladprao-Bangkapi), ดิ ออริจิ้น ลาดพร้าว 15 (The Origin Ladprao 15), ดิ ออริจิ้น บางแค (The Origin Bangkae) และ ดิ ออริจิ้น เตรียมน้อม สเตชั่น (The Origin Triam Nom Station) เป็นต้น

 

โดยในช่วง 2 เดือนสุดท้ายของปี 66 (พ.ย.-ธ.ค.66) บริษัทยังคงเดินหน้าจัดโปรโมชั่น “โปรดีดนิ้ว ดีลส่งท้าย” อย่างต่อเนื่องจนถึงวันที่ (31 ธ.ค 66) ได้มอบส่วนลดสูงสุดกว่า 1 ล้านบาท ดาวน์น้อย ผ่อนสบายและฟรีค่าใช้จ่ายครบ พร้อมสิทธิ์ลุ้นรับตั๋วเครื่องบินไปญี่ปุ่นและ iPhone15 Pro Max ในราคาเริ่มต้นเพียง 1.29 ล้านบาท

ทั้งนี้ครอบคลุมโครงการคอนโดมิเนียมทุกเซ็กเมนท์ทุกแบรนด์ อาทิ ดิ ออริจิ้น (The Origin), ออริจิ้น เพลย์ (Origin Play), บริกซ์ตัน (Brixton) ออริจิ้น ปลั๊ก แอนด์ เพลย์ (Origin Plug & Play) ออริจิ้น เพลซ (Origin Place) และ พาร์ค ออริจิ้น (Park Origin) รวมถึงกลุ่มคอนโดมิเนียมเพื่อการลงทุน (Investment Property) เช่น แบรนด์แฮมป์ตัน (Hampton) และแฮมป์ตัน เรสซิเดนซ์ (Hampton Residence)

ด้านความสำเร็จช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้ เครือบริษัทมียอดขายโครงการที่อยู่อาศัยแล้วมากกว่า 36,937 ล้านบาท หรือคิดเป็น 82% ของเป้าหมายยอดขายทั้งปี และเป็นยอดขายจากธุรกิจคอนโดมิเนียมกว่า 77% บริษัทเชื่อมั่นว่าการพัฒนาสินค้าที่มีฟังก์ชันตอบโจทย์การใช้ชีวิต รวมไปถึงการจัดโปรโมชั่นที่ช่วยให้ผู้บริโภคเข้าถึงโครงการได้ง่ายขึ้น จะช่วยให้บริษัทมียอดขายตามเป้าหมาย

ทั้งนี้บริษัทมีโครงสร้างธุรกิจหลากหลาย ประกอบด้วย 1.ธุรกิจพัฒนาที่อยู่อาศัยเพื่อการขาย (Residential Development Business) คือการพัฒนาคอนโดมิเนียมและบ้านจัดสรรมาแล้ว 140 โครงการ (ณ สิ้นไตรมาส 2/66) อาทิ  แบรนด์ พาร์ค ออริจิ้น (Park Origin), โซ ออริจิ้น (So Origin), ออริจิ้น ปลั๊ก แอนด์ เพลย์ (Origin Plug & Play), ไนท์บริดจ์ (Knightsbridge), นอตติ้ง ฮิลล์ (Notting Hill)

รวมไปถึง ออริจิ้น เพลส (Origin Place), ดิ ออริจิ้น (The Origin), เคนซิงตัน (Kensington), แฮมป์ตัน (Hampton), ออริจิ้น เพลย์ (Origin Play), บริกซ์ตัน (Brixton) และ บริทาเนีย (Britania) รวมมูลค่าโครงการกว่า 211,301 ล้านบาท 2.ธุรกิจที่สร้างรายได้ประจำ (Recurring Income Business) อาทิ โรงแรม, เซอร์วิส อพาร์ตเมนท์, และค้าปลีก

3.ธุรกิจบริการ (Service Business) อาทิ ธุรกิจให้บริการลูกบ้าน, ธุรกิจการจัดการอสังหาริมทรัพย์, ธุรกิจตัวแทนซื้อ ขาย เช่า อสังหาริมทรัพย์, ธุรกิจที่ปรึกษาด้านอสังหาริมทรัพย์, และ 4.ธุรกิจเมกะเทรนด์ระยะยาว (Mega Trends) ซึ่งเป็นกลุ่มธุรกิจใหม่ที่มีแนวโน้มเติบโตในระยะยาว อาทิ ธุรกิจโลจิสติกส์, ธุรกิจเฮลท์แคร์, ธุรกิจพลังงาน, ธุรกิจด้านการเงิน, ธุรกิจเอนเตอร์เทนเมนท์, ฯลฯ ทั้งนี้เพื่อยกระดับคุณภาพการใช้ชีวิตของผู้บริโภคแบบครบวงจร