AWC คว้าอันดับ 1 ดัชนีความยั่งยืน DJSI กลุ่มอุตสาหกรรม “โรงแรม-รีสอร์ท-เรือสำราญ”
AWC คว้าอันดับ 1 ดัชนี DJSI ของโลก กลุ่มอุตสาหกรรมโรงแรม รีสอร์ท และเรือสำราญเป็นปีแรกสะท้อนความมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจตามแนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืน เพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้กับอุตสาหกรรมอสังหาฯ และการท่องเที่ยวของประเทศ
บริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด (มหาชน) หรือ AWC ได้รับคัดเลือกให้เป็นสมาชิกของดัชนีความยั่งยืนดาวโจนส์ (Dow Jones Sustainability Indices: DJSI) ในกลุ่มดัชนีตลาดเกิดใหม่ (DJSI Emerging Markets Indices) เป็นปีแรก โดยมีคะแนนความยั่งยืนจากการประเมินผล Corporate Sustainability Assessment (CSA) โดย S&P Global สูงสุดเป็นอันดับ 1 ในกลุ่มอุตสาหกรรมโรงแรม รีสอร์ท และเรือสำราญ (Hotels, Resorts & Cruise Lines)
สะท้อนความมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจตามแนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืน 3BETTERs ของ AWC คือ BETTER PLANET , BETTER PEOPLE และ BETTER PROSPERITY เพื่อส่งมอบคุณค่าและสร้างความยั่งยืนให้แก่ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกภาคส่วน ร่วม “สร้างสรรค์อนาคตที่ดีกว่า” เพื่อขับเคลื่อนอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ให้มีความยั่งยืน สร้างสรรค์ให้ประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวยั่งยืนของโลก
นางวัลลภา ไตรโสรัส ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ AWC กล่าวว่า บริษัทเชื่อมั่นในการร่วมรวมพลังขับเคลื่อนความยั่งยืนร่วมกับพันธมิตรทุกภาคส่วน เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ยั่งยืนและสร้างให้ประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวยั่งยืนระดับโลก การได้รับเลือกให้เข้าร่วมเป็นสมาชิก DJSI ในกลุ่ม DJSI Emerging Markets เป็นการสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้กับอุตสาหกรรมโรงแรมของไทยด้วยคะแนนเป็นอันดับ 1 จากบริษัททั้งหมดทั่วโลกในกลุ่มอุตสาหกรรมโรงแรม รีสอร์ท และเรือสำราญที่เข้าร่วมการประเมินกับ S&P Corporate Sustainability Assessment
ทั้งยังเป็น 1 ใน 28 ของบริษัทจดทะเบียนในประเทศไทยที่ได้รับการคัดเลือกให้เป็นสมาชิก DJSI ในปีนี้ โดยจะเป็นพลังให้กับผู้บริหารและพนักงานของบริษัทรวมทั้งพันธมิตรได้เดินหน้าสานต่อเจตนารมณ์ด้านความยั่งยืนอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้กับอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์และการท่องเที่ยวของประเทศไทยต่อไป
อย่างไรก็ดีบริษัทได้มุ่งดำเนินงานตามกรอบพัฒนาด้านความยั่งยืนภายใต้ 3 เสาหลัก หรือ 3BETTERs ใน 9 มิติ ควบคู่ไปกับการกำกับดูแลกิจการที่ดี เพื่อสร้างคุณค่าองค์รวมและการเติบโตในระยะยาวให้แก่ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกภาคส่วนอย่างสมดุล โดยให้ความสำคัญครอบคลุมทั้งด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และเศรษฐกิจ แบ่งเป็น
1.BETTER PLANET เพื่อโลกที่ยั่งยืนของเรา มุ่งดำเนินงานทางด้านสภาพภูมิอากาศ เศรษฐกิจหมุนเวียน การบริหารจัดการน้ำ รวมถึงความหลากหลายทางชีวภาพ โดยภายในปี 2573 บริษัทตั้งเป้าเป็นองค์กรที่มีความเป็นกลางทางคาร์บอน ลดปริมาณการใช้น้ำต่อหน่วยรายได้ร้อยละ 20 และมุ่งสู่การจัดการขยะตามแนวทางเศรษฐกิจหมุนเวียน ลดขยะสู่หลุมฝังกลบเป็นศูนย์ รวมถึงการสร้างผลกระทบเชิงบวกสุทธิ (Net Positive Impact) เพื่อพิทักษ์สภาพสมดุลในระบบนิเวศ
2.BETTER PEOPLE เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีของพวกเราทุกคน การมุ่งพัฒนาทรัพยากรบุคลากรขององค์กรและอาชีวอนามัย ความปลอดภัย รวมไปถึงสร้างความยั่งยืนให้ชุมชนที่โครงการของ AWC ตั้งอยู่ในหลากหลายมิติ โดยภายในปี 2573 บริษัทตั้งเป้าว่าทุกตำแหน่งที่สำคัญในองค์กรต้องมีผู้สืบทอดที่มีความพร้อม อัตราอุบัติเหตุต่อการเสียชีวิตหรือทุพพลภาพถาวรของพนักงานต้องเป็นศูนย์ และทุกกลุ่มธุรกิจภายใต้เครือของบริษัท สามารถส่งเสริมความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นให้แก่ผู้คนและสังคมผ่านโครงการเพื่อชุมชนต่างๆ
3.BETTER PROSPERITY เพื่อการเติบโตที่ยั่งยืนร่วมกัน ให้ความสำคัญเรื่องการกำกับดูแลกิจการที่ดีที่มีส่วนผลักดันให้เกิดการพัฒนาเศรษฐกิจและความเจริญรุ่งเรืองในวงกว้าง โดยภายในปี 2573 บริษัทตั้งเป้าคว้ารางวัล 5 “Golden Arrow” จาก ASEAN Corporate Governance Scorecard (ACGS) พร้อมมุ่งเพิ่มโอกาสในการสร้างรายได้และลดความเหลื่อมล้ำในสังคมเพื่อสร้างคุณค่าและความยั่งยืนในระยะยาวตลอดห่วงโซ่คุณค่า
อนึ่ง Dow Jones Sustainability Indices ถือเป็นดัชนีวัดความยั่งยืนแรกของโลกที่ใช้ประเมินผลการดำเนินธุรกิจตามแนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืนของบริษัทชั้นนำต่างๆ ทั่วโลก ทั้งในด้านบรรษัทภิบาล เศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อมและสังคม รวมถึงเป็นดัชนีที่สถาบันการลงทุนและกองทุนจากทั่วโลกให้การยอมรับและใช้เป็นข้อมูลอ้างอิงสำหรับพิจารณาเพื่อประกอบการลงทุน
นอกจากการได้รับคัดเลือกให้เป็นสมาชิกดัชนีความยั่งยืนดาวโจนส์เป็นปีแรกแล้ว AWC ยังได้รับการประกาศผลประเมินหุ้นยั่งยืน SET ESG Ratings ประจำปี 2566 ที่ระดับ “A” ในกลุ่มของอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง (Property & Construction) จากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 สะท้อนถึงความมุ่งมั่นในการดำเนินงานด้าน ESG เพื่อใช้ขับเคลื่อนธุรกิจด้านความยั่งยืนอย่างเป็นรูปธรรมด้วยความรับผิดชอบต่อเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม