TU ปลื้ม! ติดอันดับดัชนีความยั่งยืน “DJSI” ต่อเนื่องปีที่ 10
TU ปลื้ม! ได้รับคัดเลือกให้เป็นสมาชิกดัชนีความยั่งยืนดาวโจนส์ “DJSI” สะท้อนความมุ่งมั่นรับผิดชอบสิ่งแวดล้อม สังคม และธุรกิจอย่างยั่งยืน บนพื้นฐานกลยุทธ์ “SeaChange® 2030”
บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ TU หนึ่งในบริษัทอาหารทะเลชั้นนำของโลก ได้รับคัดเลือกให้เป็นสมาชิกดัชนีความยั่งยืนดาวโจนส์ หรือ “Dow Jones Sustainability Indices (DJSI) 2023” เป็นปีที่ 10 ติดต่อกัน สะท้อนถึงความมุ่งมั่นตั้งใจในการดำเนินธุรกิจด้วยความรับผิดชอบอย่างยั่งยืน
ทั้งนี้ ไทยยูเนี่ยนได้รับคัดเลือกให้เป็นสมาชิกดัชนีความยั่งยืนดาวโจนส์ เป็นครั้งแรกในปี 2556 จากความสำเร็จต่างๆ และการพัฒนาด้านนวัตกรรมที่ต่อเนื่อง แสดงให้เห็นถึงความพยายามของบริษัทในการรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม สังคม และการกำกับดูแลกิจการอย่างยั่งยืน ส่งผลให้ไทยยูเนี่ยนได้รับคัดเลือกให้เป็นสมาชิกดัชนีความยั่งยืนดาวโจนส์ตลอด 10 ปีที่ผ่านมา
ขณะที่นายธีรพงศ์ จันศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร TU กล่าวว่า การได้รับการยอมรับและได้รับคัดเลือกให้เป็นสมาชิกดัชนีความยั่งยืนดาวโจนส์ต่อเนื่องถึง 10 ปี เป็นการยืนยันถึงความพยายามและความมุ่งมั่นของเราในการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน ที่ไม่ได้เป็นเพียงผู้ผลิตอาหารทะเลชั้นนำเท่านั้น แต่หมายถึงการเป็นบริษัทที่มีความรับผิดชอบและมีจรรยาบรรณที่ดี ซึ่งกลยุทธ์ความยั่งยืน “SeaChange® 2030” คือหัวใจสำคัญในการบรรลุวิสัยทัศน์ของบริษัทที่ต้องการสร้างการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกต่ออุตสาหกรรม
โดยตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ไทยยูเนี่ยนใช้ DJSI เป็นเกณฑ์มาตรฐานประกอบการปรับปรุงพัฒนาและเพื่อท้าทายตัวเองอย่างต่อเนื่อง มาตรฐานการประเมินอันเข้มงวดของ DJSI เป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพในการวัดผลและเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานของบริษัทด้านความยั่งยืน เป็นส่วนหนึ่งในการผลักดันให้เกิดการสร้างสรรค์นวัตกรรมและความเป็นเลิศ โดยเฉพาะในด้านการดูแลสิ่งแวดล้อม สังคม และความมุ่งมั่นที่ลงมือทำอย่างจริงจัง ยกตัวอย่างเช่น การที่ไทยยูเนี่ยนได้ริเริ่มการบริหารจัดการการเงินเพื่อการทำงานด้านการอนุรักษ์ท้องทะเล หรือที่เรียกว่า Blue Finance ขึ้น
ส่วน SeaChange® หรือกลยุทธ์ด้านความยั่งยืนของไทยยูเนี่ยนเปิดตัวในปี 2559 และปรับปรุงใหม่ในปี 2566 ด้วยความมุ่งมั่นและตั้งเป้าหมายใหม่จนถึงปี 2573 โดยถือเป็นหัวใจสำคัญของการดำเนินธุรกิจของไทยยูเนี่ยน ซึ่งปลูกฝังเรื่องความยั่งยืนไว้ในทุกแง่มุมของการดำเนินงาน พร้อมทั้งกำหนดเป้าหมายอันมุ่งมั่นของเราผ่านเป้าหมายทั้ง 11 ประการที่เชื่อมโยงถึงกัน
ด้านนายอดัม เบรนแนน ผู้อำนวยการกลุ่มด้านการพัฒนาที่ยั่งยืน TU กล่าวว่า การยอมรับจาก DJSI เป็นแรงบันดาลใจอย่างมากให้กับเราในการทำงานต่อไปในอนาคต บริษัทมุ่งมั่นผลักดันให้อุตสาหกรรมอาหารทะเลของโลกดีขึ้น และมั่นใจว่ากลยุทธ์ SeaChange® 2030 จะช่วยทำให้การเปลี่ยนแปลงนี้เกิดขึ้นจริง วันนี้บริษัทกับพันธมิตรพร้อมแล้วที่จะช่วยพลิกโฉมทุกภาคส่วนในอุตสาหกรรมอาหารทะเลทั่วโลกหันมาร่วมกันทำให้โลกของเรายั่งยืนเพื่อคนรุ่นต่อไป
สำหรับเป้าหมายของกลยุทธ์ความยั่งยืน SeaChange® 2030 ประกอบด้วย ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลง 42 เปอร์เซ็นต์ในขอบเขตที่ 1, 2 และ 3 ภายในปี 2573 และปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ในปี 2593 การฟื้นฟูระบบนิเวศ โดยไทยยูเนี่ยนจะสนับสนุนงบประมาณ 250 ล้านบาท (มากกว่า 7 ล้านเหรียญสหรัฐ) เพื่อปกป้องและฟื้นฟูระบบนิเวศสำคัญ
นอกจากนี้ ยังลดการปล่อยน้ำเสียสู่สิ่งแวดล้อมเป็นศูนย์ ต้องมีกระบวนการผลิตที่เป็นเลิศ ไทยยูเนี่ยนจะปรับปรุงระบบภายในโรงงานเพื่อลดการปล่อยน้ำเสียเป็นศูนย์ ลดของเสียฝังกลบเป็นศูนย์ และลดการสูญเสียอาหารเป็นศูนย์ ในโรงงานหลักห้าแห่งทั้งในและต่างประเทศรวมถึง การทำประมงอย่างรับผิดชอบ โดย 100 เปอร์เซ็นต์ของอาหารทะเลที่จับจากธรรมชาติจะต้องผลิตอย่างมีความรับผิดชอบ และไทยยูเนี่ยนยังคงเดินหน้าสร้างสถานที่ทำงานที่ปลอดภัย มีคุณค่า ยอมรับความแตกต่างและหลากหลาย มีความเท่าเทียม
โดยในแต่ละปี S&P Global Corporate Sustainability Assessment (CSA) จะทำการประเมินการทำงานด้านความยั่งยืนของบริษัทกว่า 10,000 แห่งทั่วโลก โดย CSA ช่วยให้บริษัทต่างๆ เช่น ไทยยูเนี่ยนสามารถวัดผลการดำเนินงานด้านเศรษฐกิจของอุตสาหกรรม สิ่งแวดล้อม และสังคมที่หลากหลาย ซึ่งเกี่ยวข้องกับนักลงทุนที่เน้นเรื่องความยั่งยืน