MFC เสิร์ฟกองทุน “M-USTBILL” ลงทุนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ จ่อขาย IPO 2–7 ก.พ.นี้

MFC เปิดขายกองทุนเปิดเอ็มเอฟซี ยูเอส เทรเชอรี่ บิล ลงทุนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุคงเหลือไม่เกิน 1 ปี ชูความมั่นคง-ความเสี่ยงต่ำ ผลตอบแทนสูงในรอบ 20 ปี เปิดให้ซื้อขายหน่วยลงทุนทุกระยะเวลา 6 เดือน พร้อมเสนอขาย IPO ตั้งแต่ 2–7 ก.พ 67 สร้างโอกาสรับผลตอบแทนสูงกว่าพันธบัตรในประเทศ


นายธนโชติ  รุ่งสิทธิวัฒน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน เอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน) หรือ MFC ในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านการบริหารจัดการกองทุนคุณภาพทั้งในและต่างประเทศ เปิดเผยว่าตราสารหนี้ยังเป็นสินทรัพย์ที่น่าสนใจลงทุนในปี 67 และเป็นจังหวะเข้าลงทุนพันธบัตรสหรัฐอเมริกาจากการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งล่าสุดยังคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 5.25 – 5.50% และมีแนวโน้มจะรักษาอัตราดอกเบี้ยไว้ ทำให้ความผันผวนของราคาน้อยลง อีกทั้งอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ เมื่อเปรียบเทียบกับพันธบัตรรัฐบาลไทย มีส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยกว้างมากที่สุดและคาดว่าจะยังคงอยู่ต่อไปอีก 12–24 เดือน

ทั้งนี้ บริษัทพร้อมเปิดเสนอขายกองทุนเปิดเอ็มเอฟซี ยูเอส เทรเชอรี่ บิล (M-USTBILL) โดยกองทุน  M-USTBILL มีนโยบายลงทุนในตราสารหนี้ภาครัฐ อาทิ ตั๋วเงินคลังและพันธบัตรออกโดยรัฐบาลสหรัฐอเมริกาที่มีอายุคงเหลือไม่เกิน 1 ปี หรือกองทุนรวมอีทีเอฟ (ETF) หรือหน่วยลงทุนของกองทุนรวมที่ลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอเมริกาที่มีอายุคงเหลือไม่เกิน 1 ปี โดยมีอัตราส่วนการลงทุนรวมกันทุกขณะไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน ทั้งนี้ กองทุนมีการลงทุนที่ส่งผลให้มี Net Exposure ที่เกี่ยวข้องกับความเสี่ยงต่างประเทศโดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน

อีกทั้ง กองทุนอาจลงทุนในสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (Derivatives) เพื่อป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราที่อาจเกิดขึ้นได้จากการลงทุนในต่างประเทศตามความเหมาะสม และสภาวะการณ์ในแต่ละขณะขึ้นอยู่กับดุลยพินิจที่ผู้จัดการกองทุนเห็นเหมาะสม โดยจะไม่ลงทุนในตราสารหนี้ที่มีอันดับความน่าเชื่อถือของตราสารหรือผู้ออกต่ำกว่าที่สามารถลงทุนได้ (Non-Investment Grade) ตราสารหนี้ที่ไม่ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือ (Unrated Securities) และตราสารที่มีลักษณะของสัญญาซื้อขายล่วงหน้าแฝง (Structured Note) โดยกองทุนมีความเสี่ยงระดับ 3 (เสี่ยงปานกลางค่อนข้างต่ำ)

“โดยจุดเด่นของกองทุน M-USTBILL ซึ่งมีความเสี่ยงด้านเครดิตต่ำ จากการลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ถือเป็นสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำ เพราะออกและรับรองโดยรัฐบาลสหรัฐจึงมีโอกาสต่ำมาก ในการผิดนัดชำระหนี้ อีกทั้งยังได้รับอันดับความน่าเชื่อถือของผู้ออกตราสาร (Moody’s AAA, S&P AA+ และ Fitch AA+) นอกจากนี้ผลตอบแทนน่าสนใจเมื่อเทียบกับในอดีต จึงมองเป็นโอกาสเข้าลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลหลังจากที่ปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบายเร็วในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา” นายธนโชติ กล่าว

สำหรับทิศทางค่าเงินบาทในปี 67 มองว่ามีแนวโน้มแข็งค่าจากการที่ (เฟด) ส่งสัญญาณจะไม่ขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายเพิ่มเติม หลังจากเศรษฐกิจโดยเฉพาะตัวเลขเงินเฟ้อชะลอตัวลง ซึ่งหาก (เฟด) ไม่ต้องการให้เศรษฐกิจชะลอตัวลงหรือเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยอาจจำเป็นต้องลดอัตรานโยบายลงบางส่วน ซึ่งคาดการณ์ว่าอาจจะเกิดขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปี 67 อย่างไรก็ตาม หากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทยก่อนสหรัฐเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจไปพร้อมกับนโยบายการคลังของรัฐบาลจะทำให้ค่าเงินบาทมีแนวโน้มอ่อนค่าได้เช่นกัน

อีกทั้งปัจจัยเสี่ยงอื่นๆ ที่อาจทำให้เงินบาทอ่อนค่าเพิ่ม อาทิ ภัยแล้ง ซึ่งส่งผลต่อรายได้ของภาคการเกษตรและค่าครองชีพประชาชนทั่วไป อาจทำให้ (ธปท.) ตัดสินใจปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย รวมถึงสงครามที่อาจทำให้นักลงทุนส่วนใหญ่ปรับเปลี่ยนสัดส่วนการถือครองค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ดังนั้นแนวทางการบริหารอัตราแลกเปลี่ยนจะดำเนินการตามปัจจัยทางพื้นฐาน ประกอบกับปัจจัยของการเคลื่อนไหวของค่าเงิน โดยจะลดการป้องกันความเสี่ยงเมื่อค่าเงินบาทมีปัจจัยทั้งสองส่วนประกอบกันไปในทิศทางที่อ่อนค่าและเพิ่มการป้องกันความเสี่ยงเมื่อค่าเงินบาทมีปัจจัยทั้งสองส่วนประกอบกันไปในทิศทางที่แข็งค่า

“โดยกองทุน M-USTBILL เหมาะกับผู้ลงทุนที่ต้องการเน้นลงทุนในตราสารหนี้ภาครัฐที่ออกโดยรัฐบาลสหรัฐอเมริกา ในระยะเวลาประมาณ 6 เดือนขึ้นไปและผู้ลงทุนที่ต้องการกระจายการลงทุนไปต่างประเทศที่ให้อัตราดอกเบี้ยสูงและมีความเสี่ยงต่ำ ซึ่งสามารถนำไปจัดพอร์ตการลงทุนของตัวเองได้” นายธนโชติ กล่าว

นอกจากนี้ สำหรับผู้ที่สนใจลงทุนสามารถจองซื้อขั้นต่ำครั้งแรกและครั้งถัดไปเพียง 1,000 บาท โดยเปิดเสนอขายครั้งแรก (IPO) ตั้งแต่วันที่ 2-7 ก.พ 67 ทั้งนี้ ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไข ผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนการตัดสินใจลงทุน กองทุนไม่ได้ป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวนอาจขาดทุนหรือได้รับกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน และ/หรือได้รับเงินคืนต่ำกว่าเงินลงทุนเริ่มแรกผู้ลงทุนสามารถขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนเอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน) โทรศัพท์ 0-2649-2000 ติดต่อฝ่ายวางแผนการลงทุน กด 2 หรือ Contact Center กด 0 สาขาแจ้งวัฒนะ โทร. 0-2835-3055-57 สาขาปิ่นเกล้า โทร. 0-2014-3150-2 สาขาขอนแก่น   โทร. 043-204-014-16 สาขาเชียงใหม่ โทร. 0-5321-8480-82 สาขาระยอง โทร. 033-100-340 สาขาหาดใหญ่  โทร. 074-232-324 – 25 หรือที่ www.mfcfund.com

Back to top button