BTG คว้า 3 รางวัลด้านอาหารแห่งปี “THAIFEX-ANUGA ASIA 2024”
BTG คว้า 3 รางวัลใหญ่ด้านอาหารแห่งปี ในงาน “THAIFEX-ANUGA ASIA 2024” พร้อมเดินหน้ารุกธุรกิจอาหารทั้งในไทยและต่างประเทศ ควบคู่กับการขยายตลาดกลุ่มผู้ประกอบการ Food Service
ดร.โอลิเวอร์ ก็อตชัลล์ ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ กลุ่มธุรกิจอาหาร บริษัท เบทาโกร จำกัด (มหาชน) หรือ BTG เปิดเผยว่า จากแนวโน้มเศรษฐกิจไทย ปี 2567 ที่คาดว่าจะขยายตัว 2.2-3.2% รวมถึงพฤติกรรมผู้บริโภคที่ให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพกายและจิตใจ เลือกอาหารที่มีคุณภาพ ปลอดภัยสูง จากแหล่งผลิตที่ตรวจสอบย้อนกลับได้ ทั้งยังตระหนักถึงสังคมและสิ่งแวดล้อม เพื่อการบริโภคที่ยั่งยืน
ทั้งนี้ เบทาโกรจึงเดินหน้าวางกลยุทธ์ขับเคลื่อนธุรกิจอาหารเพื่อการเติบโตต่อเนื่อง ด้วยการมุ่งคิดค้น วิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์อาหารใหม่ๆ เพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคยุคใหม่ที่มีความหลากหลายทั้งในและต่างประเทศ ภายใต้แบรนด์ Betagro, S-Pure และ Itoham และผลิตภัณฑ์โปรตีนทางเลือก (Alternative Protein) ซึ่งเป็นนวัตกรรมอาหารแห่งอนาคตจากแบรนด์ Meatly!
โดยในปีนี้ ผลิตภัณฑ์อาหารเบทาโกรได้รับ 3 รางวัลใหญ่ ได้แก่ 1) รางวัล Superior Taste Award 2024 โดยไข่ไก่สดแช่เย็นเอสเพียว (S-Pure Chilled Eggs) ได้รับรางวัลในระดับ 3 ดาว และข้าวมันกะทิขมิ้นแกงเขียวหวานไก่ Betagro ได้รับรางวัลในระดับ 2 ดาว 2) รางวัลนวัตกรรมอาหาร THAIFEX-Anuga Taste Innovation Show 2024 จากเมนูแกงเขียวหวานเนื้อชิ้นจากพืชพร้อมทาน แบรนด์ Meatly!
3) อาหารพร้อมทานภายใต้แบรนด์ “Betagro” และ “Meatly!” จำนวน 12 เมนูคว้า “ตราสัญลักษณ์ Thai Select ประจำปี 2567” อาทิ ข้าวแกงมัสมั่นไก่, ข้าวแกงเขียวหวานไก่, ไก่สะเต๊ะ, หลนเต้าเจี้ยวหมูสับจากพืช, น้ำพริกลงเรือหมูสับจากพืช เป็นต้น ซึ่งการันตีรสชาติอาหารยอดเยี่ยมที่ได้มาตรฐานอาหารไทยอย่างแท้จริง
ขณะเดียวกัน ยังมุ่งสร้างการรับรู้แบรนด์ ผลิตภัณฑ์อาหาร และบริการต่างๆ ผ่าน THAIFEX-ANUGA ASIA 2024 โดยในปีนี้ เบทาโกร ได้โชว์ศักยภาพผู้นำนวัตกรรมอาหารคุณภาพชั้นนำระดับสากล โดยส่งสินค้าเรือธงแบรนด์ “S-Pure” ผู้นำตลาดอาหารซุปเปอร์พรีเมียม เนื้อหมู ไก่ ไข่ ที่ผ่านกระบวนการเลี้ยงแบบธรรมชาติ 100% (100% Natural Pure Product) แบรนด์แรกและหนึ่งเดียวของไทยที่ได้รับการรับรองการเลี้ยงที่ไม่มียาปฏิชีวนะ (Raised Without Antibiotics-RWA) จาก NSF สหรัฐอเมริกา ทั้ง 3 ผลิตภัณฑ์
อีกทั้งยังเลี้ยงด้วยธัญพืชและวิตามินที่มีประโยชน์ มอบโภชนาการเหมาะสมตามแต่ละช่วงวัย เสริมด้วยจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์ Probiotic และ Prebiotic หรือที่เรียกรวมกันว่า Synbiotic ช่วยให้ระบบการย่อยอาหารและการดูดซึมของสัตว์ดีขึ้น ทำให้หมูและไก่ S-Pure แข็งแรงไม่เจ็บป่วยง่าย เป็นผลิตภัณฑ์ที่เลี้ยงด้วยมาตรฐานที่ดีที่สุดจากฟาร์ม เพื่อจานอาหารระดับโลก
ทั้งนี้ด้วยไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคยุคใหม่ เบทาโกรยังได้เดินหน้าพัฒนาสินค้าที่ตอบโจทย์ความต้องการ และรูปแบบการบริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างต่อเนื่อง อย่าง S-Pure Portion Pack ที่มาในรูปแบบถาดแบ่งบรรจุ สะอาด สะดวกใช้ ช่วยประหยัดเวลาและพื้นที่ในการจัดเก็บ สามารถตัดแบ่งใช้ได้ทีละส่วนเหมาะสำหรับหนึ่งมื้อ เพื่อคงความสดและปลอดเชื้อ และหมูบดปรุงรสแบบหลอดที่ใช้ง่ายสะดวกสบาย รวมถึงสินค้าในกลุ่มอาหารพร้อมทาน กลุ่มไส้กรอกตอบโจทย์การใช้ชีวิตที่เร่งรีบ พร้อมชูจุดเด่นบรรจุภัณฑ์เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ทั้งบรรจุภัณฑ์ถาดกระดาษ (Paper Tray) ที่สามารถลดการใช้พลาสติกได้ถึง 80% และบรรจุภัณฑ์แบบ mono material ที่สามารถย่อยสลาย
ดร.โอลิเวอร์ กล่าวว่า สำหรับไฮไลท์ในงานนี้ เบทาโกรยังได้เปิดตัว “La Comida” แบรนด์ผลิตภัณฑ์เนื้อสัตว์พร้อมทานสไตล์ยุโรป “ชาร์กูว์ทรี (Charcuterie)” ซึ่งผลิตจากเนื้อหมู S-Pure ที่นำมาบรรจงตัดแต่งเนื้ออย่างประณีต และผ่านกรรมวิธีถนอมอาหารให้พร้อมทานในแบบของชาวยุโรป ทั้งการหมักเกลือและเครื่องเทศ การบ่มและรมควัน หรือการปรุงสุกผ่านความร้อน ชูจุดเด่นคุณภาพระดับพรีเมียมที่เหนือกว่า ในราคาที่สมเหตุสมผล เหมาะสำหรับผู้ประกอบการอาหาร นำไปเสิร์ฟ หรือประกอบอาหารในเมนูต่างๆ
นอกจากนี้ เบทาโกรอยู่ในช่วงพัฒนาร้าน La Comida Deli Shop เพื่อจำหน่ายสินค้า La Comida ชาร์กูว์ทรี ชีส และสินค้านำเข้ามุ่งตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าที่ชื่นชอบอาหารสไตล์ยุโรป พร้อมมอบประสบการณ์อาหารรูปแบบใหม่สำหรับคนไทย ซึ่งคาดว่าจะเปิดตัวภายในปีนี้
พร้อมกันนี้เบทาโกร ยังเร่งขยายตลาดภายในประเทศผ่านกลุ่มผู้ประกอบการ Food Service ด้วยการร่วมมือกับพันธมิตร และผู้ให้บริการด้านอาหาร ครอบคลุมโรงแรม ร้านอาหาร คาเฟ่ โรงเรียนสอนประกอบอาหาร สายการบิน โดยนำความเชี่ยวชาญของเบทาโกร ทั้งในด้านผลิตภัณฑ์อาหารคุณภาพและปลอดภัยสูง การให้คำแนะนำด้านการบริหารจัดการ การดำเนินธุรกิจอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถ สร้างโอกาสการต่อยอดธุรกิจ และเติบโตไปด้วยกันอย่างยั่งยืน
อีกทั้งยังพร้อมเดินหน้าขยายตลาดไปยังต่างประเทศ ด้วยผลิตภัณฑ์แบรนด์ S-Pure และ Betagro หลังจากที่ประสบความสำเร็จในการเป็นผู้ส่งออกผลิตภัณฑ์เนื้อไก่แช่เย็นรายแรกจากประเทศไทย สู่ประเทศสิงคโปร์ ภายใต้แบรนด์ S-Pure ซึ่งได้รับการตอบรับและเติบโตต่อเนื่อง และยังนำผลิตภัณฑ์อาหารพร้อมทานแบรนด์ Betagro อาทิ ไก่ปรุงสุก หมูปรุงสุก วางจำหน่ายทั้งใน Supermarket และ Convenience store
รวมถึงการนำผลิตภัณฑ์อาหารพร้อมทานภายใต้แบรนด์ Betagro วางจำหน่ายใน 7-11 ฮ่องกง และมีแผนที่จะขยายไปอีกหลายประเทศ เพื่อเปิดประตูให้ผู้บริโภคต่างประเทศได้เข้าถึงอาหารไทย รสชาติไทย นอกจากนี้ยังเน้นร่วมมือกับพันธมิตรธุรกิจในการเป็นผู้จัดหา (Supply) ผลิตภัณฑ์อาหารเข้าสู่ Food & Restaurant Chain เพื่อการขยายตัวอย่างรวดเร็วทั่วทุกภูมิภาคอีกด้วย
“เบทาโกร มุ่งนำเสนอนวัตกรรมผลิตภัณฑ์อาหารคุณภาพทั้งในและต่างประเทศ พร้อมยกระดับการให้บริการผู้ประกอบการอาหารที่ดียิ่งขึ้นแบบครบวงจร ตอกย้ำความมุ่งมั่นของกลุ่มธุรกิจอาหาร ในการร่วมเป็นส่วนหนึ่งของความสำเร็จในธุรกิจของคู่ค้า และด้วยแผนธุรกิจที่วางไว้เชื่อว่ากลุ่มธุรกิจอาหารเบทาโกรจะเติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง” ดร.โอลิเวอร์ กล่าวทิ้งท้าย