SPC จับมือ “เอตัวล์ ไคโตะ” สยายปีกค้าส่งตลาด ตปท. เจาะกลุ่มคนรุ่นใหม่

SPC ผนึก “เอตัวล์ ไคโตะ” ผู้นำค้าส่งรายใหญ่ญี่ปุ่นลุยขยายธุรกิจค้าส่งตลาดต่างประเทศ ชูวิธีการจำหน่ายแบบ Hybrid Platform-Live Commerce รองรับไลฟ์สไตล์ผู้บริโภคยุคใหม่


นายบุณยสิทธิ์ โชควัฒนา ประธานบริหาร บริษัท สหพัฒนพิบูล จำกัด (มหาชน) หรือ SPC เปิดเผยว่า เครือสหพัฒน์ เริ่มต้นธุรกิจค้าส่งในประเทศไทยมาเป็นเวลา 80 ปี จากนั้นจึงขยายไปสู่ธุรกิจการผลิตและธุรกิจค้าปลีกและมีตัวแทนจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย

ในขณะที่ เอตัวล์ ไคโตะ (Etoile Kaito) เริ่มต้นธุรกิจด้วยการเป็นผู้ค้าส่งสินค้าเบ็ดเตล็ดและสินค้าแฟชั่นในญี่ปุ่น จนปัจจุบันก้าวเป็นผู้นำค้าส่งสินค้าครบวงจร อาทิ สินค้าแฟชั่นและความงาม, ไลฟ์สไตล์, อุปโภค, บริโภคของใช้ในครัวเรือนและสินค้าตกแต่งภายในที่มีมากกว่า 700,000 รายการ ทั้งเครือสหพัฒน์และเอตัวล์ ไคโตะ เห็นโอกาสในการทำธุรกิจร่วมกันจึงได้ลงนามบันทึกความเข้าใจในงานสหกรุ๊ปแฟร์ ครั้งที่ 28 โดยมีเป้าหมายเพื่อให้ทั้ง 2 ฝ่ายที่อยู่ในฐานะผู้ประกอบธุรกิจค้าส่งสามารถขยายธุรกิจไปยังต่างประเทศได้เพิ่มขึ้น

ทั้งนี้จะอาศัยวิธีการจำหน่ายแบบ Hybrid Platform ของทั้งสองฝ่าย อาทิการจำหน่ายทั้งในร้านค้า,ช่องทางออนไลน์ อีคอมเมิร์ซ และไลฟ์คอมเมิร์ซ (Live Commerce) ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงวิธีการจำหน่ายแบบเดิมๆ เพื่อรองรับไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคที่มีการเปลี่ยนแปลงไปในปัจจุบัน

นายคินโนะสุเกะ ฮายาคาวะ ประธานบริษัท เอตัวล์ ไคโตะ กล่าวว่า เอตัวล์ ไคโตะ ดำเนินธุรกิจมายาวนานกว่า 120 ปี เริ่มต้นธุรกิจด้วยการเป็นผู้ค้าส่งสินค้าเบ็ดเตล็ดแฟชั่นในญี่ปุ่น โดยยึดมั่นในปรัชญา “สินค้าดี ในเวลาที่เหมาะสม ในปริมาณที่พอเหมาะ” ด้วยปรัชญานี้ เอตัวล์ ไคโตะ จึงได้จัดหาสินค้าที่มีความหลากหลาย อาทิ เสื้อผ้า อาหาร และของใช้ในครัวเรือน จนปัจจุบัน เติบโตขึ้นเป็นผู้นำในธุรกิจค้าส่งระบบสมาชิกที่จำหน่ายสินค้าแฟชั่น ไลฟ์สไตล์ สินค้าอุปโภคบริโภค รวมทั้งสินค้าอื่นๆ อย่างครบวงจร

“ช่องทางการจำหน่ายของเอตัวล์ ไคโตะ ไม่ได้มีแค่ในญี่ปุ่น แต่ยังมีช่องทางจำหน่ายในไต้หวัน ฮ่องกง จีน และเกาหลีใต้ การร่วมมือกันในครั้งนี้จะเป็นโอกาสที่ดีที่เอตัวล์ ไคโตะ จะได้นำสินค้าไปจำหน่ายผ่านช่องทางของเครือสหพัฒน์ ขณะเดียวกัน เครือสหพัฒน์ก็จะนำสินค้ามาจำหน่ายผ่านช่องทางของเอตัวล์ ไคโตะ นับเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีของทั้ง 2 ฝ่ายที่จะได้เปิดตลาดใหม่ในช่องทางใหม่ ๆ เพื่อผลักดันให้ธุรกิจเติบโตมากขึ้น” นายคินโนะสุเกะ กล่าว

Back to top button