ปปง. หารือ 7 หน่วยงาน เดินหน้าป้องกัน-ปรามปราม “อาชญากรรมทางเทคโนโลยี”

ปปง. หารือร่วมกับ 7 หน่วยงาน พร้อมด้วยสถาบันการเงิน-ผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์ เดินหน้าปรับปรุงมาตรการป้องกัน-ปราบปราม “อาชญากรรมทางเทคโนโลยี” มุ่งแก้ปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน ที่ได้รับความเสียหาย


นายวิทยา นีติธรรม ผู้อำนวยการกองกฎหมายและโฆษกประจำสำนักงาน ปปง. กล่าวว่า ตามที่ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ได้เน้นย้ำและสั่งการทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเดินหน้าป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีอย่างต่อเนื่องจริงจังเพื่อแก้ไขและบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน นั้น เมื่อวันที่ 11 -12 กรกฎาคม 2567 สำนักงาน ปปง. ได้เป็นเจ้าภาพในการจัดโครงการบูรณาการ การปฏิบัติงานตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องร่วมกับหน่วยงานภาครัฐและเอกชน ณ โรงแรมไมด้า แกรนด์ ทวารวดี จังหวัดนครปฐม

โดยมี นายเทพสุ บวรโชติดารา เลขาธิการ ปปง. เป็นประธานในการสัมมนาฯ พร้อมด้วยผู้แทนกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ, ธนาคารแห่งประเทศไทย ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (NECTEC), สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (สำนักงาน กสทช.),

สมาคมธนาคารไทย สมาคมธนาคารนานาชาติ สถาบันการเงิน และผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์ ได้ร่วมกันหารือถึงแนวทางในการปรับปรุงมาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการบังคับใช้และการปรับปรุงแก้ไขกฎหมายมาตรการป้องกัน และปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี โดยเฉพาะอย่างยิ่งการกำหนดกลไกให้ฝ่ายบริหารมีอำนาจในการนำเงินที่คงค้างอยู่ในบัญชีม้า มาคืนให้กับผู้เสียหายได้โดยเร็ว

รวมทั้งการจำกัดช่องทางการทำธุรกรรม ทางอิเล็กทรอนิกส์ของบุคคลที่เกี่ยวข้องกับบัญชีม้า การใช้มาตรการตรวจสอบเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับลูกค้าตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินอย่างเคร่งครัดตั้งแต่ขั้นตอนการเปิดบัญชีใหม่และการติดตามความเคลื่อนไหวของบัญชีที่มีเหตุอันควรสงสัย มาตรการป้องกันอาชญากรรม  ทางเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์ แพลตฟอร์มดิจิทัล การร้องขอข้อมูลและหลักฐานจากสถาบันการเงินและผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์ และประเด็นอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ และประสิทธิผลในการป้องกันปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี

ทั้งนี้ จะได้นำผลสรุปจากการสัมมนาดังกล่าว เสนอต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีเพื่อพิจารณาให้มีผลเป็นรูปธรรมต่อไป

Back to top button