SSP เงินสดแกร่ง-ขยายพอร์ตโรงไฟฟ้า “ทริสฯ” จัดอันดับเครดิตองค์กร BBB+
SSP เปิดเผย ทริส เรตติ้ง จัดอันดับเครดิตองค์กรที่ระดับ "BBB+" แนวโน้ม "Stable"(คงที่) ตั้งแต่ปี 65 - 67 ชี้บริษัทฯมีกระแสเงินแกร่ง อีกทั้งทุ่มงบลงทุนกว่า 1.5 หมื่นล้านบาท เพื่อขยายพอร์ตโรงไฟฟ้า Renewable ทุกรูปแบบทั้งในและต่างประเทศปี 68 ช่วยหนุนผลการดำเนินงานอนาคต
นายวรุตม์ ธรรมาวรานุคุปต์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เสริมสร้าง พาวเวอร์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SSP เปิดเผยว่า ทริส เรตติ้ง (TRIS RATING) จัดอันดับเครดิตองค์กรที่ระดับ “BBB+” แนวโน้ม “Stable” หรือ “คงที่” ตั้งแต่ปี 65-67 โดยอันดับเครดิตนี้สะท้อนถึงความแข็งแกร่งของกระแสเงินสดจากสัญญาซื้อขายไฟฟ้าระยะยาว และผลการดำเนินงานของโรงไฟฟ้าที่มีความมั่นคง SSP พร้อมทุ่มงบลงทุนกว่า 1.5 หมื่นล้านบาท เพื่อขยายพอร์ตโรงไฟฟ้า Renewable ทุกรูปแบบทั้งในและต่างประเทศ ประเดิม COD โครงการใหม่ปี 68
ทั้งนี้ นายวรุตม์ ธรรมาวรานุคุปต์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SSP เปิดเผยว่า บริษัท ทริสเรตติ้ง จำกัด คงอันดับเครดิตองค์กรที่ระดับ “BBB+” ด้วยอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” ต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 ตั้งแต่ปี 65 – 67 สะท้อนถึงผลการดำเนินงานของโรงไฟฟ้าที่บริษัทฯ ลงทุนมีความมั่นคงและสามารถสร้างกระแสเงินสดที่แข็งแกร่งจากสัญญาซื้อขายไฟฟ้าระยะยาว
ขณะที่ บริษัทฯ มีเป้าหมายการเติบโตสูง จากการกำหนดกลยุทธ์การเติบโตในช่วง 5 ปีข้างหน้า ด้วยแผนเพิ่มกำลังการผลิตสุทธิให้สูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญประมาณ 600 เมกะวัตต์ ภายในสิ้นปี 71 ซึ่งล่าสุดอยู่ระหว่างการพัฒนาโครงการในหลายๆ ประเทศ โดยเป็นโรงไฟฟ้าจากพลังงานหลากหลายรูปแบบ ซึ่งรวมถึงพลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานลม และพลังงานขยะ
สำหรับในประเทศญี่ปุ่น บริษัทฯ กำลังพัฒนาโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ “LEO 2” ขนาด 22 เมกะวัตต์ ซึ่งคาดว่าจะเริ่มเปิดดำเนินการในไตรมาส 4 ปี 68 ส่วนในประเทศไทย กำลังพัฒนาโรงไฟฟ้าขยะชุมชน จำนวน 2 โครงการ ด้วยกำลังการผลิตรวม 19.8 เมกะวัตต์ ซึ่งคาดว่าจะเปิดดำเนินการในช่วงปลายปี 69 รวมถึงโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ อีก 3 โครงการ ซึ่งมีกำลังการผลิตรวม 134.5 เมกะวัตต์ และมีกำหนดจะเริ่มเปิดดำเนินการในระหว่างปี 70 – 71
นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมีโครงการโรงไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนอีก 2 โครงการในไต้หวัน กำลังการผลิตตั้งรวม 56.5 เมกะวัตต์ โดยโครงการเหล่านี้คาดว่าจะเริ่มดำเนินการในปี 69 และ 71 ตามลำดับ ซึ่งทาง ทริสฯ ประเมินว่า “บริษัทฯ มีสภาพคล่องที่เพียงพอ โดยโรงไฟฟ้าส่วนใหญ่ได้รับการสนับสนุนจากสัญญาเงินกู้โครงการระยะยาวเป็นหลัก ณ เดือนมิ.ย.67 มีหนี้สินทั้งระยะสั้นและระยะยาวที่จะครบกำหนดชำระคืนภายใน 12 เดือนข้างหน้า รวมเป็นจำนวนทั้งสิ้น 3,500 ล้านบาท ขณะเดียวกันบริษัทฯ มีเงินสดจำนวน 3,800 ล้านบาท นอกจากนี้ ทริสฯ คาดว่าบริษัทฯ จะมีเงินทุนจากการดำเนินงานอยู่ที่ประมาณ 1,700 ล้านบาทในช่วง 12 เดือนข้างหน้าอีกด้วย
โดยย้อนไปเมื่อเดือนมี.ค.67 SSP ได้เข้าซื้อหุ้นเพิ่มเติมในบริษัท วินชัย จำกัด มูลค่า 2,100 ล้านบาท ทำให้สัดส่วนการถือหุ้นของบริษัทฯ เพิ่มขึ้นจาก 25% เป็น 100% ช่วยลดความกังวลและผลกระทบจากการที่ค่าไฟฟ้าส่วนเพิ่ม (Adder) ของโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ SPN จะหมดอายุลงในเดือนมกราคม 2568 ด้วยรายได้ของโรงไฟฟ้าพลังงานลมขนาด 45 เมกกะวัตต์ ของวินชัยที่คาดว่าจะสามารถสร้างรายได้ให้กับบริษัทฯ ประมาณ 700 – 800 ล้านบาทต่อปี
“การที่ ทริสฯ จัดอันดับองค์กรให้อยู่ระดับ BBB+ นั้น ถือเป็นการตอกย้ำความเข้มแข็งในด้านฐานะการเงินของบริษัทฯ ซึ่งมีความพร้อมในการรองรับแผนการขยายพอร์ตโรงไฟฟ้า Renewable ทั้งในประเทศและต่างประเทศ รวมไปถึงการใช้กลยุทธ์ในการเข้าซื้อกิจการ ซึ่งจะเป็นส่วนช่วยสนับสนุนทำให้พอร์ตเติบโต โดยปัจจุบัน SSP มีกำลังการผลิตอยู่รวมที่ 282 เมกะวัตต์ ตั้งเป้าเติบโตกว่า 600 เมกะวัตต์ในปี 71″ นายวรุตม์ กล่าวทิ้งท้าย