CPF จับมือ “คู่ค้าธุรกิจ” ขับเคลื่อนสู่ห่วงโซ่อุปทาน “คาร์บอนต่ำ” ก้าวสู่ Net-Zero
CPF จับมือคู่ค้าธุรกิจขับเคลื่อนสู่ห่วงโซ่อุปทานคาร์บอนต่ำ ก้าวสู่ Net-Zero และเติบโตอย่างยั่งยืน ในฐานะผู้ผลิตและส่งออกสินค้าอาหารมากกว่า 50 ประเทศทั่วโลก
บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ CPF ระบุว่า การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เป็นความท้าทายที่ทั่วโลกให้ความสนใจและหลายประเทศกำลังนำประเด็นดังกล่าวมาใช้เป็นมาตรการทางการค้า ในฐานะเป็นผู้ผลิตและส่งออกสินค้าอาหารมากกว่า 50 ประเทศทั่วโลก
ดังนั้น “ซีพีเอฟ” จึงให้ความสำคัญและส่งเสริมคู่ค้าธุรกิจในห่วงโซ่อุปทานมีความรู้และขีดความสามารถในการดำเนินงานและพัฒนาที่ยั่งยืนทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม รวมทั้งการปรับปรุงกระบวนการผลิตเพื่อลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ร่วมสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อสิ่งแวดล้อม และเป็นโอกาสและแต้มต่อทางการค้าให้กับคู่ค้าจากการดำเนินงานด้านความยั่งยืน
โดยตลอดปี 2567 ซีพีเอฟได้จัดกิจกรรมการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ประสบการณ์ เพื่อยกระดับการดำเนินงานของคู่ค้าธุรกิจในด้านต่างๆ สู่ระดับสากล ล่าสุดได้จัดงานสัมมนา CPF CAPACITY BUILDING FOR PARTNERSHIP 2024 ร่วมคิด ร่วมสร้าง สู่การเติบโตอย่างยั่งยืน โดยมีนายสิริพงศ์ อรุณรัตนา ประธานคณะกรรมการขับเคลื่อนและกำกับดูแลการบริหารความยั่งยืนในห่วงโซ่อุปทาน ซีพีเอฟ ให้เกียรติเป็นประธานเปิดงาน พร้อมแสดงความมุ่งมั่นของบริษัทในการสนับสนุนให้คู่ค้าธุรกิจทั้งขนาดใหญ่ และผู้ประกอบการ SME เกิดความตระหนักถึงความสำคัญของการปรับตัวรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ตลอดจนการบริการจัดการน้ำในการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน รวมถึงการจัดอบรมเชิงปฏิบัติการ Growing Together with Low-carbon Products…ก้าวไปด้วยกันอย่างยั่งยืนด้วยผลิตภัณฑ์คาร์บอนต่ำ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการเสริมสร้างขีดความสามารถให้คู่ค้าธุรกิจของซีพีเอฟ ภายใต้ โครงการ “PARTNER TO GROW…เติบโต เคียงข้าง อย่างยั่งยืน” ให้คู่ค้าธุรกิจมีความรู้และเครื่องมือในการพัฒนากระบวนการผลิตที่ลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
นางสาวธิดารัตน์ เดชายนต์บัญชา ผู้บริหารสูงสุด สายงานจัดซื้อกลาง CPF ระบุว่า ซีพีเอฟ มุ่งมั่นพัฒนาคู่ค้าธุรกิจให้มีขีดความสามารถสูงขึ้นควบคู่กับการดำเนินงานอย่างรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม สนับสนุนการเติบโตไปพร้อมกับซีพีเอฟ ภายใต้แนวคิด “ร่วมคิด ร่วมสร้าง สู่การเติบโตอย่างยั่งยืน” ผ่านการแลกเปลี่ยนเรียนรู้และร่วมพัฒนาไปด้วยกัน ซึ่งได้รับความร่วมมือที่ดีจากคู่ค้าธุรกิจเข้าร่วมกิจกรรมกว่า 200 ราย เพื่อเสริมสร้างศักยภาพและสนับสนุนคู่ค้าธุรกิจดำเนินธุรกิจเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน มีความพร้อมและสร้างโอกาสจากวิกฤติการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และร่วมขับเคลื่อนสู่เป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net-Zero) ภายในปี 2050
“เราเชื่อมั่นว่า กิจกรรมการแลกเปลี่ยนความรู้ความเข้าใจและประสบการณ์ ช่วยสร้างแรงบันดาลใจให้เกิดความร่วมมือพัฒนาในด้านต่างๆ อาทิ การเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงาน ปรับปรุงกระบวนการผลิตสู่ความเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ปฏิบัติตามมาตรฐานด้านสิ่งแวดล้อมและแรงงาน รวมทั้งการพัฒนากระบวนการผลิตคาร์บอนต่ำ ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน สะท้อนความมุ่งมั่นของซีพีเอฟในการสร้างการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกร่วมกับคู่ค้าธุรกิจเพื่อเติบโตด้วยกันอย่างยั่งยืน สามารถส่งมอบสินค้าและบริการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ช่วยสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับธุรกิจ ตอบโจทย์กระแสความต้องการของลูกค้าทั่วโลกได้” ธิดารัตน์ กล่าวเพิ่มเติม
ด้านภานุวัฒน์ ยีหวังเจริญ ผู้จัดการแผนกพัฒนาระบบงานและบริหารระบบคุณภาพ บริษัท ธนากรผลิตภัณฑ์น้ำมันพืช จำกัด กล่าวว่า บริษัทตระหนักถึงความต้องการของซีพีเอฟในการพัฒนาความยั่งยืน เรามีความมุ่งมั่นในการจัดหาวัตถุดิบที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เป็นเรื่องที่ทุกคนต้องทำเพราะทั่วโลกให้ความสำคัญ บริษัทมีการจัดทำเรื่องของการคำนวณคาร์บอนฟุตพริ้นท์ ทั้งในระดับองค์กร และระดับผลิตภัณฑ์ การที่ซีพีเอฟจัดเวิร์คช็อปเรื่องนี้ถือว่าเป็นโอกาสที่ดีของซีพีเอฟและคู่ค้าได้มาแบ่งปันข้อมูลด้วยกัน ร่วมมือกันขับเคลื่อนเรื่องของการปล่อยก๊าซเรือนกระจกมุ่งสู่ความยั่งยืนด้วยกัน
ส่วนนิติธร กรณ์ใหม่ ผู้จัดการฝ่ายขายอาหารสัตว์ บริษัท ไทยร่วมใจน้ำมันพืช จำกัด กล่าวว่า การที่ซีพีเอฟจัดกิจกรรมเพื่อแบ่งปันความรู้และสนับสนุนให้กับบริษัทคู่ค้านำแนวทางปฏิบัติที่ยั่งยืนมาใช้ และลดปริมาณคาร์บอนฟุตพริ้นท์ ซึ่งสอดคล้องกับแนวทางของไทยร่วมใจน้ำมันพืชที่เห็นความสำคัญและมีโครงการในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกอยู่แล้ว เช่น การติดตั้ง Solar Rooftop เพื่อเพิ่มการใช้พลังงานหมุนเวียนในกระบวนการผลิต การปรับเพิ่มการใช้รถอีวีในการขนส่ง ความรู้ที่ได้รับจะนำไปต่อยอดสื่อสารกับผู้ที่รับผิดชอบเกี่ยวกับการดำเนินงานด้านความยั่งยืนของบริษัทต่อไป
ด้านรักชนก ผลห้า กรรมการผู้จัดการ บริษัท ทีด้า เทค จำกัด กล่าวว่า การปล่อยก๊าซเรือนกระจก เป็นเรื่องที่ทุกคนต้องรับผิดชอบร่วมกัน เพราะทุกคนอาศัยอยู่บนโลกใบเดียวกัน การดำเนินการเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เพื่อสร้างความเปลี่ยนแปลง ให้แก่ลูกหลานของเรา ในฐานะเป็นซัพพลายเชนของซีพีเอฟตระหนักดีว่าต้องปรับตัวรับมือกับมาตรการทางการค้า และได้ดำเนินโครงการที่จะช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก โดยการติดตั้งโซล่าร์รูฟท็อปเพื่อใช้ในสำนักงาน การหมุนเวียนการใช้น้ำ และมีแผนเปลี่ยนมาใช้รถพลังงานไฟฟ้าทดแทนรถที่ใช้น้ำมัน