KGIเพิ่มเป้ามาร์เก็ตแชร์DWปี59 กระแสนิยมดี ลุยออกอีก200ตัว
KGI ตั้งเป้าส่วนแบ่งการตลาด (มาร์เก็ตแชร์) ในการเสนอขายตราสารอนุพันธ์ (DW) สำหรับปี 59 เพิ่มขึ้นเป็น 30% จากสิ้นปี 58
นายเจนวิทย์ ชินกุลกิจนิวัฒน์ กรรมการผู้จัดการ ฝ่ายธุรกิจตราสารอนุพันธ์ บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) หรือ KGI เปิดเผยว่า KGI ตั้งเป้าส่วนแบ่งการตลาด (มาร์เก็ตแชร์) ในการเสนอขายตราสารอนุพันธ์ (DW) สำหรับปี 59 เพิ่มขึ้นเป็น 30% จากสิ้นปี 58 อยู่ที่ 24% โดยปัจจุบันมาร์เก็ตแชร์ขยับขึ้นมาที่ 27% แล้ว โดยปีนี้มีแผนออก DW จำนวน 250 ตัว ซึ่งออกไปแล้ว 89 ตัว ที่เหลืออีก 200 ตัวนั้นจะเป็น DW เพื่อการลงทุน 50 ตัว และ DW เพื่อการเก็งกำไร 150 ตัว
ทั้งนี้ ที่ประชุมผู้ถือหุ้น KGI เมื่อวันที่ 19 เม.ย.59 อนุมัติเพิ่มวงเงินคงค้างในการเสนอขาย DW เป็น 2,000 ล้านบาท จากเดิม 1,000 ล้านบาท เนื่องจากช่วงเดือน มี.ค.-เม.ย.59 เป็นช่วงที่ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ (SET Index) ดีดกลับมาที่ 1,400 จุด และมีปัจจัยประมูล 4G เข้ามาสนับสนุนการเก็งกำไรในกลุ่มสื่อสาร ทำให้การซื้อขาย SET50DW และ DW หุ้นรายตัวของ KGI เติบโตราว 100% ส่งผลให้มูลค่า DW ที่นักลงทุนถือครองอยู่ที่ 976 ล้านบาท เกือบแตะ 1,000 ล้านบาท จึงต้องขยายวงเงิน
นายเจนวิทย์ กล่าวว่า SET50DW ของ KGI ได้รับความนิยมอย่างมาก โดยตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบัน (YTD) มีมาร์เก็ตแชร์อยู่ที่ 40.96% ของมูลค่าการซื้อขาย DW ในตลาดรวมทั้งอุตสาหกรรมที่เฉลี่ยอยู่ในระดับ 2,100-2,500 ล้านบาท/วัน จากสิ้นปี 58 มาร์เก็ตแชร์เฉพาะ SET50DW อยู่ที่ 29.93% และสิ้นปี 59 จะพยายามรักษาไว้ที่ระดับ 40.96%
“SET50DW ของ KGI ที่ทิ้งห่างคู่แข่งเพราะเราพร้อมมากโดยออกที่อัตราทดสูงสุดที่ 10-15 เท่า สูงกว่าอุตฯที่ไม่ถึง 10 เท่า เพราะปี 58 เราลงทุน 30 ล้านบาทกับระบบซื้อขายเป็นเทคโนโลยีจากไต้หวันที่บริหารความเสี่ยงได้ดีมากและไวมาก ถ้าดัชนีขึ้น 1% การคาดหวังของเราได้ถึง 10% เพราะระบบเราเร็วมากทำให้เรามาร์เก็ตแชร์สูงกว่าเจ้าอื่น” นายเจนวิทย์กล่าว
นายเจนวิทย์ คาดว่าครึ่งปีหลังมองการซื้อขายใน DW หุ้นรายตัวน่าจะคึกคักมากกว่า DWSET50 เนื่องจาก KGI ยังมอง SET Index ปลายปีที่ 1,400 จุด เพราะฉะนั้นจากนี้ถึงสิ้นปีเริ่มไม่ตื่นเต้นแล้ว นักลงทุนก็จะหันไปเก็งหุ้นรายตัว และ DW รายตัวที่มีพื้นฐานสอดคล้องกันในแง่ fundamental โดยดูงบฯแต่ละตัวมากกว่า
สำหรับ DW เพื่อการลงทุน 50 ตัวในปีนี้ ถือเป็นครั้งแรกที่บริษัทจะออก โดยจะเน้นหุ้นในกลุ่มใหญ่อย่างแบงก์ เช่น BBL KBANK ส่วน DW เพื่อการเก็งกำไรจะเป็นหุ้นขนาดกลางกลุ่มสื่อสาร หลังประมูล 4G แล้ว เช่น TRUE หลังเพิ่มทุนเสร็จสิ้นจะเป็นอย่างไร และ JAS รวมทั้งหุ้นรับเหมาขนาดกลาง เช่น CK ITD STEC ซึ่งการออก DW เพื่อการลงทนเป็นทางเลือกให้กับนักลงทุน
“สิ่งที่ KGI ค้นพบก็คือ การที่นักลงทุนเล่นหุ้นรายตัวภายใต้สภาวะตลาดไม่เอื้อ KGI จึงจะออก DW ที่ลงทุน ซึ่ง 2H/59 ก็จะออก DW เพื่อการลงทุนมากขึ้น ราคาไม่ผันผวนมากแต่ไปถูกทางถึงแม้กำไรจะน้อยกว่า โดยจะออกที่อัตราทด 2-3 เท่า สำหรับ DW เพื่อลงทุน เมื่อเทียบกับ DW เพื่อเก็งกำไรอัตราทดที่ 3-5 เท่า ซึ่งบริษัทตั้งกลุ่มใหม่เป็น DW-511 คือ DW13 ที่หมดอายุในเดือน 5 กับเดือน 11 เท่านั้น เป็น DW เพื่อลงทุนเท่านั้น ที่เหลือเป็น DW เพื่อเก็งกำไร เพราะเดือน 5 เป็นช่วงที่นักลงทุนเก็งงบฯ จึงเลือกออกเวลานี้” นายเจนวิทย์กล่าว
ที่ผ่านมาในปี 59 การลงทุนใน DW ได้รับความนิยมมากขึ้น โดยมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันมาที่ 2,500 ล้านบาท คิดเป็น 6.25% ของมูลค่าการซื้อขายในตลาดรวมที่มีมูลค่าซื้อขายเฉลี่ยต่อวันที่ 4 หมื่นล้านบาท ซึ่งถือว่าสูงขึ้นมากเมื่อเทียบกับภูมิภาคไม่รวมฮ่องกง โดยฮ่องกงอยู่ที่ 10% ตลาดสิงคโปร์ 1% มาเลเซีย 2% เกาหลีใต้และไต้หวัน 4% ส่วนญี่ปุ่นไม่ค่อยเทรด DW เพราะมีออพชั่นอย่างอื่นมาก
เมื่อเทียบในไตรมาส 1/59 มูลค่าซื้อขาย DW ทั้งตลาดขึ้นมาที่ 20,000 ล้านบาทต่อเดือน เพิ่มขึ้น 4 เท่าตัวหรือ 400% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อนที่ไม่ถึง 5,000 ล้านบาทต่อเดือน เพราะนักลงทุนรู้จัก DW มากขึ้น สามารถช่วยให้นักลงทุนใช้ทำกำไรขาลงได้ โดยถ้า SET ขึ้น 10% DW ขึ้น 30% หรือ 3 เท่าตัว
“ครึ่งหลังปีนี้จะเห็นการเก็งกำไร DW รายตัวจะกลับมา จากครึ่งแรกที่เทรด DWSET50 กันมากเพราะมอง SET ง่ายกว่า วอลุ่ม DW ปัจจุบัน 2,500 ล้านบาทต่อวัน มีแต่เพิ่มขึ้นถือเป็นจุดแข็งของตลาดทุนไทย คนที่ชอบเล่น DWSET50 จะอิงไปกับฟิวเจอร์สในตลาด TFEX ด้วย” นายเจนวิทย์กล่าว