BJCHI:งานในมือฟื้นตัวจากโครงการรัฐแนะนำซื้อราคาเป้าหมาย 8.50 บาท
BJCHI: เมื่อเร็วๆ นี้ บริษัทได้รับงานสัญญา EPC ของ TUPI B.V. มูลค่า 2.8 พันล้านบาท ซึ่งเป็นสัญญาณที่ดีของการเริ่มลงทุนในธุรกิจเหมืองแร่และพลังงาน ซึ่ง BJCHI กลับเข้ามาทำหลังจากที่เลื่อนออกไป เนื่องจากราคาน้ำมันที่ลดลงตั้งแต่ช่วงปี 2014 ทำให้ BJCHI มีงานในมือฟื้นตัวขึ้น ประกอบกับการประมูลโครงการจากภาครัฐที่คาดว่าจะชนะในช่วง 2H16 ทำให้เรามีมุมมองที่ดีขึ้นต่อผลประกอบการของบริษัท ทำให้เราปรับประมาณการกำไรเพิ่มขึ้นและปรับคำแนะนำเป็น "ซื้อ"
บล.ทิสโก้ ระบุในบทวิเคราะห์วันนี้ (13 ก.ค.) ว่าบริษัท บีเจซี เฮฟวี่ อินดัสทรี จำกัด (มหาชน) หรือ BJCHI ปัจจุบันมีงานในมือจำนวน 4.2 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก 1.7 พันล้านบาทในช่วงสิ้นไตรมาส1/59เนื่องจากเพิ่งชนะโครงการ TUPI เมื่อเร็วๆ นี้ นอกจากนี้ จะมีงานเพิ่มเข้ามาอีกราวๆ 300-400 ล้านบาท ทั้งนี้ ยังมีโครงการอีกหลายโครงการที่จะทยอยรับรู้ในช่วง 2H16 โดยยังมีโครงการ G2 LNG Modules มูลค่ามากกว่า 120 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งหาก BJCHI ชนะงานประมูลนี้ จะช่วยหนุนผลประกอบการในปี 2017 และผู้บริหารตั้งเป้ารายได้เติบโต 15% ในปีนี้
คาดผลประกอบการในช่วง ไตรมาส2/59 จะทรงตัว เทียบไตรมาสก่อนหน้าโดยรายได้ลดลง เทียบไตรมาสก่อนหน้าเนื่องจากงานในมือในช่วงสิ้นไตรมาส1/59เพียง 1.7 พันล้านบาท เมื่อเทียบกับในช่วงไตรมาส1/59ที่มีรายได้จากการก่อสร้างที่ 2.1 พันล้านบาท แต่อย่างไรก็ตาม อัตรากำไรขั้นต้นจะดีกว่าช่วงไตรมาส1/59เนื่องจากอัตรากำไรขั้นต้นได้รับผลกระทบจากการปรับปรุงโครงสร้างและต้นทุนแรงงานที่เพิ่มขึ้น ทั้งนี้ เราคาดว่าผลประกอบการจะเพิ่มขึ้นในช่วง 2H16 จากการรับรู้รายได้ของโครงการ TUPI ทำให้เรามองแนวโน้มดีขึ้น โดยเราปรับประมาณการกำไรปี 59-61เพิ่มขึ้น 29%, 25% และ 24% ตามลำดับ แต่อย่างไรก็ตาม เราคาดว่ากำไรจากการดำเนินงานปกติของบริษัทจะโตเพียง 1.8% ในปีนี้ (ผู้บริหารคาด 15%) แต่จะโต 10.8% และ 9.2% ในปี 2017-18F
ปรับมูลค่าที่เหมาะสมโดยอ้างอิง PER ปี 60ที่ 10 เท่า ทำให้มูลค่าที่เหมาะสมเพิ่มขึ้นจาก 6.55 บาท เป็น 8.50 บาท พร้อมทั้งปรับคำแนะนำจาก “ถือ” เป็น “ซื้อ” โดยมีปัจจัยเสี่ยง ได้แก่ ความล่าช้าในการก่อสร้าง, รับงานน้อยกว่าคาด และต้นทุนเพิ่มขึ้นจากการก่อสร้างที่ล่าช้า รวมทั้งราคาน้ำมัน และต้นทุนวัตถุดิบสูงขึ้น