BCP:ส่องกำไรไตรมาส 3/59 อ่อนลงลุ้น Q4/59 ดีขึ้นจากค่าการกลั่นฟื้นตัว
BCP คาดกำไรไตรมาส 3/59 อ่อนลง เทียบไตรมาสก่อหน้าเป็น 1.2 พันล้านบาท เนื่องจากไม่มีกำไรจากสต็อกเหมือนในไตรมาส 2/59 แต่จะเติบโตสูง 181% เทียบไตรมาสก่อนหน้าเพราะในไตรมาส 3/58 มีขาดทุนจากสต็อกสูงมาก
บล.ดีบีเอสฯ ระบุในบทวิเคราะห์วันนี้ (1 พ.ย.) ว่า บริษัท บางจากปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ BCP คาดกำไรไตรมาส 3/59 อ่อนลง เทียบไตรมาสก่อหน้าเป็น 1.2 พันล้านบาท เนื่องจากไม่มีกำไรจากสต็อกเหมือนในไตรมาส 2/59 แต่จะเติบโตสูง 181% เทียบไตรมาสก่อนหน้าเพราะในไตรมาส 3/58 มีขาดทุนจากสต็อกสูงมาก
ด้าน Core profit อ่อนลง เทียบไตรมาสก่อหน้าและ เทียบไตรมาสก่อนหน้าเพราะค่าการกลั่น (GRM) ลดลงเมื่อต้นทุนน้ำมันดิบสูงขึ้น ผู้บริหารกล่าวว่าบริษัทพยายามเพิ่มปริมาณการผลิตเป็น 115kbd จากที่ผลิตได้ต่ำในไตรมาส1/59 เพื่อให้ผลิตได้เฉลี่ย 97-98kbd ในปีนี้ (สำหรับ 9M59 คาดว่าผลิตได้เฉลี่ย 97kbd) แต่ก็ลดลงจากปีก่อนที่ 113kbd
ค่าการตลาดลดลงสู่ระดับปกติ โดยคาดว่าจะอยู่ที่ 0.72 บาท/ลิตรในไตรมาส 3/59 จาก 0.87 บาท/ลิตรใน ไตรมาส 2/59 เนื่องจากปัจจัยฤดูกาลและอุปทานเพิ่มขึ้นหลังหมดช่วงซ่อมบำรุงใน ไตรมาส 2/59 แต่ก็อยู่ใกล้เคียงกับเป้าหมายที่ BCP ตั้งไว้ที่ 0.76 บาท/ลิตรสำหรับปีนี้ ด้านปริมาณขายคาดว่าจะอ่อนลง 5% เทียบไตรมาสก่อหน้าเป็น 461 ล้านลิตร/เดือน ในไตรมาส 3/59เพราะความต้องการใช้ของลูกค้าอุตสาหกรรมลดลง ขณะที่อุปสงค์ลูกค้ารายย่อยทรงตัว
ธุรกิจอื่นมีกำไรทรงตัว เทียบไตรมาสก่อหน้ากำลังการผลิตไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์เพิ่มขึ้น (โดยหลักมาจากญี่ปุ่น) คาดว่า EBITDA จากธุรกิจนี้ที่เพิ่มจะไปชดเชยกับมาร์จิ้นของไบโอดีเซลที่ต่ำลง ยังผลให้กำไรจากธุรกิจอื่นๆ ทรงตัว เทียบไตรมาสก่อหน้าด้านธุรกิจสำรวจและผลิตยังคงขาดทุน เพราะราคาน้ำมันดิบดูไบยังต่ำกว่า Unit cost บริษัทที่ 50 US$/bbl
แนวโน้มไตรมาส 4/59 ดีขึ้น จากค่าการกลั่น GRM ที่ฟื้นตัวตามปัจจัยฤดูกาล ซึ่งฤดูหนาวจะมีความต้องการใช้พลังงานเพิ่มขึ้น รวมทั้งคาดว่าการผลิตของโรงกลั่นอยู่ในระดับสูงที่ 110kbd ด้วย
แนะนำซื้อ ทาง DBSV ได้ปรับลดคาดการณ์กำไรสุทธิปี 59 ลง 15% เนื่องจากค่าการกลั่นต่ำกว่าคาด อย่างไรก็ตาม ประมาณการกำไรสุทธิปี 59 ที่ปรับใหม่ยังเติบโตได้ 16% และขยายตัวต่อ 16% ในปี 60 ขณะที่ Valuation ของ BCP จูงใจมาก โดยซื้อขายที่ P/E ปี 60 ต่ำเพียง 6.9 เท่า (ค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรมในภูมิภาคอยู่ที่ 10 เท่า) และจ่ายปันผลสูงมาก ให้ Yield 5-6% ต่อปี ประเมินราคาพื้นฐานไว้ที่ 39 บาท/หุ้น (เป็นมูลค่าโรงกลั่น 28 บาท/หุ้น และมูลค่าโรงไฟฟ้า 11 บาท/หุ้น)