EPG:พัฒนาผลิตภัณฑ์อย่างต่อเนื่องแนะนำ”ซื้อ”ราคาเป้าหมาย 17 บาท
EPG:พัฒนาผลิตภัณฑ์อย่างต่อเนื่องแนะนำซื้อให้ราคาพื้นฐาน 17 บาท อิงกับ P/E ปี 60 ที่ 25 เท่า (ซึ่งเป็น ค่าเฉลี่ยของ EPS Growth ในช่วง 3 ปีข้างหน้า หรือเทียบเท่ากับ PEG 1 เท่า ความเสี่ยงหลัก คือ การชะลอตัวของเศรษฐกิจและความผันผวนของราคาวัตถุดิบ โดยเฉพาะ Plastic resin และ Synthetic rubber ซึ่งจะกดดันความสามารถในการทำกำไร แต่บริษัทก็พยายามลดความเสี่ยงนี้ด้วยการขยายสินค้าที่เป็น Value-added ให้มากขึ้น
บล.ดีบีเอสฯ ระบุในบทวิเคราะห์วันนี้(25 พ.ย.) ว่า บริษัท อีสเทิร์นโพลีเมอร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ EPG Core profit เติบโตดีบริษัทรายงานกำไรสุทธิงวดก.ค.-ก.ย.59 (งวด 2Q60) เท่ากับ 397 ล้านบาท เติบโต 4.1%เทียบไตรมาสก่อนหน้า แต่หดตัว 6.5%เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน
เนื่องจากงวดเดียวกันของปีก่อนมีกำไรจาก FX มาก แต่ Core profit เติบโต 12%เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน เพราะยอดขายชิ้นส่วนยานยนต์ผ่าน Aeroklas เพิ่ม 20%เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน (+9%เทียบไตรมาสก่อนหน้า) ภาระดอกเบี้ยจ่ายลดลง 69%เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่หากเทียบไตรมาสก่อนหน้า อ่อนลงตามยอดขายที่ชะลอเพราะการบริโภคในประเทศยังซบเซาและฤดูฝนยาวนาน สำหรับกำไร 6M คิดเป็น 42% ของประมาณการกำไร FY60 (สิ้นสุดมี.ค.60) จึงปรับลดคาดการณ์กำไรลง 5% สะท้อนรายได้จาก Insulation rubber และบรรจุภัณฑ์ที่ต่ำกว่าคาดการณ์เดิม
ธุรกิจชิ้นส่วนยานยนต์ขยายตัวและทำกำไรได้มากขึ้น กำไรขั้นต้นปรับขึ้น 15.7%เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน และ 4%เทียบไตรมาสก่อนหน้า เพราะสัดส่วนสินค้าที่เป็น Premium สูงขึ้น ซึ่งการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่เป็นชิ้นส่วนยานยนต์ยังคงเดินหน้าต่อ โดยเป็นการพัฒนาร่วมกันกับผู้ผลิตชิ้นส่วนรายใหญ่ในสหรัฐและญี่ปุ่น รวมทั้งยอดขายในออสเตรเลียผ่าน TJM ก็สูงขึ้นด้วย เราคาดว่ารายได้จากชิ้นส่วนยานยนต์จะเป็น Key growth ในปี 59-61
รายได้ส่วน Insulation rubber ในต่างประเทศชะลอตัวลง (-4.2%เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน ในรูป US$) แต่ทรงตัว เทียบไตรมาสก่อนหน้า อัตรากำไรขั้นต้นยังบริหารให้อยู่ในระดับสูงที่ 41.4% ได้ ซึ่งเป็นมาร์จิ้นที่ดีที่สุดในทุกธุรกิจ แต่ก็อ่อนลงจาก 46.8% ในงวดเดียวกันของปีก่อนซึ่งอยู่ที่ 46.8%
อุปสงค์ในประเทศที่ชะลอตัวกระทบยอดขายธุรกิจบรรจุภัณฑ์ ให้ลดลง 3%เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน และ 6.3%เทียบไตรมาสก่อนหน้า แต่โรงงานใหม่ที่มีเครื่องจักรประสิทธิภาพสูงทำให้อัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มเป็น 32.3% ในไตรมาสนี้ จาก 30.8% และ 30.7% ใน ไตรมาส 2/59 และ ไตรมาส 1/60
แนวโน้มกำไรไตรมาส 3/600 (สิ้นสุดธ.ค.59) คาดว่าจะอ่อนลง เทียบไตรมาสก่อนหน้า เพราะปัจจัยฤดูกาล แต่จะกลับไปฟื้นตัวดีขึ้นในไตรมาส 4/60 (สิ้นสุดมี.ค.60) เพราะเป็นช่วงที่ยอดขายดีสำหรับ 3 ธุรกิจหลัก รวมทั้งการก่อสร้างก็มีแนวโน้มคึกคักขึ้นด้วย ยอดขายบรรจุภัณฑ์ยังคงมีคำสั่งซื้อที่แข็งแกร่งและบริษัทมีการสร้างโรงงานใหม่ที่มีประสิทธิภาพสูงขึ้นด้วย ส่วนยอดสั่งซื้อชิ้นส่วนยานยนต์ยังคงเติบโตดี โดยคาดว่าจะมีคำสั่งซื้อในผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ได้พัฒนาร่วมกับผู้ผลิตรายใหญ่
จะขยายเข้าสู่ตลาด ASEAN และ CLMV โดยบริษัทมีการพัฒนากระบวนการผลิตเพื่อเตรียมขยายไปในตลาดที่มีการเติบโตสูง เช่น ASEAN และ CLMV ซึ่งเรามองว่าจะเป็น Key growth ในระยะยาวของ EPG ได้ สายการผลิตที่มีประสิทธิภาพจะทำให้บริษัทมีต้นทุนที่ต่ำลงและแข่งขันในตลาดต่างประเทศได้มากขึ้น บริษัทมีเป้าหมายสร้างโรงงานใน ASEAN ช่วงปี 61-62 (สิ้นสุดมี.ค.) โดยเริ่มจากโรงงานผลิตบรรจุภัณฑ์ก่อน
แนะนำซื้อให้ราคาพื้นฐาน 17 บาท อิงกับ P/E ปี 60 ที่ 25 เท่า (ซึ่งเป็น ค่าเฉลี่ยของ EPS Growth ในช่วง 3 ปีข้างหน้า หรือเทียบเท่ากับ PEG 1 เท่า ความเสี่ยงหลัก คือ การชะลอตัวของเศรษฐกิจและความผันผวนของราคาวัตถุดิบ โดยเฉพาะ Plastic resin และ Synthetic rubber ซึ่งจะกดดันความสามารถในการทำกำไร แต่บริษัทก็พยายามลดความเสี่ยงนี้ด้วยการขยายสินค้าที่เป็น Value-added ให้มากขึ้น