CK:ได้ประโยชน์งานเมกะโปรเจ็กต์มากซื้อ Top Pick ในกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง

บล.ดีบีเอสฯ ระบุในบทวิเคราะห์วันนี้(28 พ.ย.) ว่า บริษัท ช.การช่าง จำกัด (มหาชน) หรือ CK จากค่าใช้จ่ายขาย-บริหารที่สูงในงวด ไตรมาส 3/59 ยังผลให้ อัตรากำไรสุทธิเป็นเพียง 3.8% เทียบกับ เทียบไตรมาสก่อนหน้าที่ 5% คาดว่าในไตรมาส4/59 ยังดำเนินต่อไป แต่คาดว่าจะเป็นปัจจับลบแค่ชั่วคราว

ทั้งนี้ในงวดไตรมาส 3/59 รายการนี้เพิ่มขึ้นถึง 87% เทียบไตรมาสก่อนหน้าและ 50% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนเพราะโครงการที่เสร็จมีการย้ายค่าใช้จ่ายพนักงานมายังสำนักงานใหญ่ แต่เมื่อมาถึงไตรมาส1/60 คาดว่าค่าใช้จ่ายนี้จะเข้าสู่ภาวะปกติ เพราะจะเริ่มมีโครงการใหม่ ด้านกำไร ไตรมาส 3/59 ที่อ่อนลงมาก 68% เทียบ เทียบไตรมาสก่อนหน้าเนื่องจากฐานไตรมาส2/59 มีกำไรสูงผิดปกติ จากการบันทึกรายได้ส่วนเพิ่มจากงานเขื่อนไซยะบุรีที่ประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวถึง 14 พันล้านบาท

มีโอกาสดีที่จะได้งานโรงไฟฟ้าที่ประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว และคาดว่าจะเป็นแรงกระตุ้นราคาหุ้นได้ ปัจจุบันบริษัทลูกคือ CKP กำลังเจรจากับรัฐบาลลาวที่จะทำ MOU กับโครงการเขื่อนพลังน้ำใหม่ เราคาดว่ากำลังการผลิตไฟฟ้าสูงเป็น 1,400-1,500 MW ด้วยมูลค่าโครงการ 100-103 พันล้านบาท คาดว่าความคืบหน้าจะมีให้เห็นในงวดไตรมาส4/59 นี้ และเนื่องจาก CK ถือหุ้น 30.25% ใน CKP จึงคาดว่าทาง CK จะได้รับงานก่อสร้างทั้งหมด และเริ่มก่อสร้างปี 2563

ส่วนความคืบหน้าเขื่อนไซยะบุรีปัจจุบันเป็น 66% จากมูลค่าทั้งหมด 94 พันล้านบาท สำหรับการ COD คาดว่าจะเริ่มได้ ต.ค.62 ซึ่งถือว่าเร็วกว่ากำหนดการประมาณ 4 เดือน คาดว่าจะทำให้ CKP มีรายได้เพิ่มขึ้น 3.7 พันล้านบาท และมีอัตรากำไรสุทธิสูงไปถึง 12% ถือเป็นส่วนที่จะเพิ่มขึ้นได้สำหรับ CKP ในอนาคต และ CK จะได้ประโยชน์จากกำไรตามส่วนได้เสียที่เพิ่มขึ้นจาก CKP ด้วยนั่นเอง

คงคำแนะนำ ซื้อ ราคาพื้นฐานก็คงไว้เช่นกันที่ 40.00 บาทซึ่งประเมินด้วยวิธี SOP (sum of parts) คาดว่าบริษัทจะได้รับประโยชน์จากการได้งานเมกะโปรเจ็กต์ที่จะเปิดประมูลเพิ่มอีกเป็นจำนวนมาก เพราะบริษัทมีประสบการณ์และความสามารถสูง และมี synergy กับบริษัทในกลุ่มคือ BEM, CKP และ TTW ถือว่า CK เป็น Top Pick ในกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง ที่น่าลงทุนที่สุดในปี 2560 ที่กำลังมาถึง