BPP:พลังงานทดแทนหนุนกำไรเติบโตแนะนำซื้อราคาเป้าหมาย 27.00 บาท

BPP:พลังงานทดแทนหนุนกำไรเติบโตแนะนำซื้อราคาเป้าหมาย 27.00 บาท


บล.บัวหลวง ระบุในบทวิเคราะห์วันนี้(9 ม.ค.) ว่า บริษัท บ้านปู เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BPP เริ่มทำการวิเคราะห์ BPP โดยให้คำแนะนำที่ “ซื้อ” ด้วยราคาเป้าหมายจากวิธีการคิดลดกระแสเงินสด ( DCF ) ณ สิ้นปี 2560 ที่ 27 บาท โดยมีอัพไซด์จากกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้นจากการแสวงหาโอกาสในการลงทุนใหม่ๆอย่างต่อเนื่อง และราคาต้นทุนเชื้อเพลิงถ่านที่ต่ำกว่าที่เราคาดการณ์ที่ 75 เหรียญต่อตัน โดยมูลค่าปัจจุบันซื้อขายที่ระดับ PBV/ROE อยู่เพียงแค่ 0.11 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรมที่ 0.14 เท่า ทั้งนี้เราเชื่อว่า BPP อย่างน้อยจะซื้อขายกันอยู่ระดับตลาดเนื่องจากบริษัทพึ่งเริ่มเข้าสู่ช่วงเติบโต ในขณะที่ผู้ประกอบการกลุ่มโรงงานไฟฟ้าเจ้าอื่นๆอยู่ในช่วงอิ่มตัวแล้ว

จากเทรนด์การหาแหล่งพลังงานทดแทนของโลกที่อยู่ในช่วงขาขึ้น BPP พร้อมเติบโตไปพร้อมเทรนด์ดังกล่าว ซึ่งบริษัทมีแผนกำหนดการขยายแหล่งพลังงานทดแทนมากกว่า 800 เมกะวัตต์ระหว่างปี 2559 และ 2568 ในประเทศหลักๆจะได้แก่ ประเทศจีน, ประเทศลาว ประเทศญี่ปุ่น  และประเทศไทย ซึ่งปัจจุบัน BPP มีพลังงานทดแทนอยู่เพียงที่ 148.1 เมกกะวัตต์ ซึ่งคิดเป็นอัตราเติบโตสะสมเฉลี่ยต่อปีที่ 20% ทั้งนี้การสนับสนุนจากนโยบายพลังงานและรูปแบบภาษีที่น่าตื่นตาตื่นใจในประเทศดังกล่าวจะหนุน IRR ของโครงการ และยังส่งผลให้ ROA ของ BPP เติบโตขึ้นอีกด้วย

เนื่องจาก BPP เป็นผู้ที่มีประสบการณ์การดำเนินงานมายาวนานที่สุดในประเทศอุตสาหกรรมชั้นนำของโลกเมื่อเทียบกับผู้ประกอบการโรงไฟฟ้ารายอื่นในไทย ประสบการณ์ของบริษัทจะช่วยให้บริษัทมีความพร้อมในการขยายกิจการต่อเนื่องได้อย่างสมบูรณ์แบบ โดยบริษัทมีแผนที่จะเพิ่มกำลังการผลิตในประเทศจีนเป็นเกือบสองเท่าของกำลังการผลิตในปัจจุบันภายในปี 2561 ทั้งจากพลังงานดั้งเดิมและพลังงานทดแทน  ถึงแม้ว่าประเทศจีนจะเป็นฐานธุรกิจที่แข็งแกร่งของ BPP แต่บริษัทยังคงวางแผนที่จะขยายกำลังการผลิตและแสวงหาตลาดใหม่ในประเทศญี่ปุ่นและประเทศในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่มีความต้องการด้านพลังงานอย่างต่อเนื่อง

ในมุมมองของเรา กำไรของ BPP คาดเติบโตอย่างน่าตื่นเต้นในอีกสองสามปีข้างหน้า โดยใน 3 ปีข้างหน้า เรามองอัตรากำไรเติบโตสะสมเฉลี่ยต่อปีที่ 28.7% หนุนโดยกำลังการผลิตที่ก้าวกระโดดในช่วงปี 2559-2561 ซึ่งผลการดำเนินงานของ โรงงาน CHP ในประเทศจีนที่ทำลายสถิติสูงสุดในประวัติการณ์ จะเป็นปัจจัยในการหนุนกำไรเติบโต 45% จาก 2,923 ล้านบาทมาอยู่ที่ 4,231 ล้านบาทในปีนี้ ในส่วนของพลังงานทดแทน โครงการพลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศจีน, ประเทศไทย และประเทศญี่ปุ่น (กำลังการผลิตโดยรวมอยู่ที่ 138.1 เมกกะวัตต์) จะเพิ่มสีสันต่อกำไรหลังหักภาษีของบริษัท 

Back to top button