PTG สะท้อนค่าการตลาดต่ำแล้ว แนะนำซื้ออัพไซด์สูงเป้า 30 บ.

บล.เคทีบี (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์วันนี้ (7 มี.ค.) ว่า การอ่อนตัวลงของค่าการตลาดในช่วงปลายปีที่ผ่านมาเป็นเพียงผลกระทบระยะสั้นสำหรับบริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) หรือ PTG  ขณะที่ปัจจุบันราคาน้ำมันดิงเองก็เริ่มทรงตัวในระดับ $52 – $55 ต่อบาร์เรล ทำให้คาดว่าค่าการตลาดจะสามารถฟืนตัวและยืนอยู่ในระดับสูงได้ต่อเนื่องตลอดทั้งปี

ขณะที่แม้ในปีที่ผ่านมาแม้ PTG จะเปิดสาขาได้ต่ำกว่าเป้าที่ 257 สาขา (จากที่ตั้งเป้าไว้ 350 สาขา) แต่เราประเมินว่าบริษัทจะสามารถกลับมาเปิดสาขาแบบอัตราเร่งได้กว่า 400 สาขาในปีนี้ ช่วยผลักดันให้ยอดขายน้ำมันปีนี้คาดจะเติบได้กว่า 30.7% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ 3,602 ล้านลิตร คาดการณ์กำไรของ PTG ในปีนี้ที่ 1,102 ล้านบาท (+2.7% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน) เติบโตเล็กน้อยจากฐานกำไรพิเศษในปีที่แล้ว ขณะที่ฐานกำไรปกติยังเติบโตได้ดี 12.6% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนตามการขยายสาขา

ปัจจุบันนอกจาก PTG จะมีการลงทุนหลักในด้านการขยายธุรกิจสถานีให้บริการน้ำมันแล้ว บริษัทยังเริ่มแสดงการขยายการลงทุนไปยังธุรกิจอื่นที่เกี่ยวเนื่องเพิ่มขึ้น โดยนอกจากจะมีในส่วนของร้านกาแฟ (พันธุ์ไทย) และร้านค้าปลีก (PT Max Mart) แล้ว บริษัทยังได้เริ่มลงทุนในส่วนของศูนย์บริการและซ่อมบำรุงสำหรับรถบรรทุก (ร่วมกับ SAMMITR) และธุรกิจบริหารจัดการระบบกำจัดขยะมูลฝอย (ถือหุ้น 51%) ซึ่งคาดจะขยายเป็นโรงผลิตไฟฟ้าอีกด้วย มองโครงการที่จะช่วยส่งเสริมการเติบโตของธุรกิจหลักในระยะยาวจะเป็นโครงการ Palm Complex ที่มีความเสี่ยงด้านการจำหน่ายสินค้าต่ำเนื่องจากเตรียมไว้ใช้ภายในทั้งหมด (ผสมเป็นไบโอดีเซล)

ทั้งนี้ PTG ประกาศงบลงทุนในปีนี้กว่า 5 พันล้านบาท โดยแบ่งส่วนของการขยายและปรับปรุงธุรกิจหลัก (สถานีให้บริการเติมน้ำมัน) 3.5 พันล้านบาท ธุรกิจ non – oil 500 ล้านบาทและธุรกิจใหม่จำนวน 1 พันล้านบาท

ปรับราคาเหมาะสมของ PTG ขึ้นเป็น 30 บาท (ใช้วิธี DCF โดยอิง WACC 8.2%, Terminal Growth 3%) เพิ่มขึ้นจากการปรับมาใช้ราคาเหมาะสมปีนี้ โดยมองแนวโน้มกำไรของ PTG น่าจะยังเติบโตได้ต่อเนื่องตลอดทั้งปีจากการขยายสาขาและค่าการตลาดที่จะฟื้นตัวในระหว่างปี ราคาหุ้นที่ผ่านมาปรับตัวลงสะท้อนค่าการตลาดที่ต่ำลงช่วงปลายปี ทำให้ upside สูงขึ้น จึงปรับคำแนะนำเป็น “ซื้อ” สำหรับ PTG