CPF ธุรกิจไก่เป็นดาวรุ่งในปีนี้ ชี้ราคาหุ้นยังถูกแนะซื้อเป้า 35 บ.

บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์วันนี้ (10 เม.ย.) ว่า บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ CPF แม้คาดผลการดำเนินงาน ไตรมาส 1/60 จะไม่เติบโตสูง กำไรหลักเป็น 2.2 พันล้านบาท (+3.9% y-o-y, -16% q-o-q) เพราะแนวโน้มอัตรากำไรขั้นต้นอ่อนลง ซึ่งราคาเนื้อหมูในเอเซียได้ปรับตัวลดลง รวมถึงไทยด้วยซึ่งได้ปรับลง 12.4% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนเป็น 59 บาทต่อกก. ส่วนประเทศอื่นๆคือ เวียตนาม และกัมพูชา ส่วนปริมาณกุ้งที่จำหน่ายในประเทศก็น้อยลง ตามภาวะน้ำท่วมภาคใต้ในช่วงที่ผ่านมา ค่าใช้จ่ายการทำ M&A Bellisio ที่สูงขึ้น อย่างไรก็ตามตัวช่วยไตรมาสนี้คือ ราคาเนื้อไก่ที่ปรับสูงขึ้นคือ 2.7% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนเป็น 38 บาทต่อกก. ราคาวัตถุดิบต่ำลงทั้งข้าวโพดและถั่วเหลือง

แต่อยากให้มองข้ามไป คาดว่ากำไรไตรมาส 1/60 ต่ำสุดในรอบปี เพราะแนวโน้มธุรกิจหลังจาก ไตรมาส 1/60 มีแนวโน้มฟื้นตัวดี นั่นคือส่วนธุรกิจหมูได้มีราคาขายที่มีเสถียรภาพมากขึ้น ธุรกิจกุ้งมีการกลับมาพลิกฟื้น ปริมาณขายที่ออกมามากขึ้น ราคาต้นทุนวัตถุดิบลดลงได้อย่างต่อเนื่อง และราคาเนื้อไก่ที่สูงขึ้นช่วยสนับสนุนกำไรตลอดปี 60 ได้เป็นอย่างดี

นับได้ว่าธุรกิจไก่เป็นดาวรุ่งของ CPF ในปีนี้ เนื่องจากราคาขายในประเทศที่สูงขึ้น หลังจากพันธ์ปู่ย่าไก่ที่สหรัฐขาดแคลน รวมทั้งอุปสงค์ในการส่งออกที่มาก จากเกาหลีที่อนุญาตให้นำเข้าจากไทยได้มากขึ้น คาดว่าปริมาณการส่งออกไก่ที่เพิ่มขึ้นจะเป็นแรงกระตุ้นราคาหุ้นได้ในระยะยาว จากกรณีข่าวการคอรัปชันเกี่ยวกับการส่งออกเนื้อสัตว์ของบราซิลที่ไม่ได้มาตรฐาน จึงมีแนวโน้มว่าประเทศผู้นำเข้าเช่น จีน ฮ่องกงและญี่ปุ่น จะนำเข้าไก่จากไทยมากขึ้น

คำแนะนำซื้อเห็นว่าราคาหุ้นปัจจุบนยังไม่แพง P/E ปี 60 เป็น 13.7 เท่า เทียบกับค่าเฉลี่ยกลุ่มที่ 20.0 เท่า และค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปีที่ 18.9 เท่า ได้มีการปรับประมาณการดีขึ้นปีนี้และปีหน้าในอัตรา 6%/8% ตามลำดับ สะท้อนค่าใช้จ่ายที่คาดว่าจะทำได้น้อยกว่าเดิม อย่างไรก็ตามได้ปรับราคาพื้นฐานใหม่ลงเป็น 35.00 บาท ซึ่งได้มีการปรับ P/E เป้าหมายลงเป็น 17 เท่า จากเดิม 21 เท่า สะท้อนธุรกิจเนื้อหมูที่ชะลอลง และธุรกิจที่จีนกับเวียตนามที่เข้าสู่ภาวะปกติในปีนี้ ขณะที่ฐานปี 59 ที่สูงผิดปกติ ราคาปิดยังมีส่วนเพิ่มเทียบกับราคาพื้นฐานใหม่ได้อีก 25%