TMB ปรับฐานแรงไป ผลตอบแทนรวมพุ่งเกิน 20%โบรกฯชี้โอกาสทองเข้าลงทุน งบแค่สะดุดช่วงสั้น

บล.เอเซีย พลัส ระบุว่า TMB ตัดสินใจตั้งสำรองหนี้เพิ่มในช่วงที่ยังไม่มั่นใจสภาพเศรษฐกิจ ถือเป็นเรื่องปกติเหมือนกับ ธ.พ.อื่นๆ ตราบใดที่ยังบริหารจัดการ NPL ได้อยู่หมัดและธุรกิจหลักยังแข็งแกร่ง จึงเชื่อว่าราคาหุ้นแค่ปรับฐานระยะสั้น และมองเป็นโอกาสทองให้เข้าลงทุน


บล.เอเซีย พลัส ระบุในบทวิเคราะห์ (20 เม.ย.) ว่า ธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) หรือ TMB ประกาศกำไรสุทธิไตรมาส 1/58 เพียง 1.63 พันล้านบาท ต่ำกว่าคาด 33% ลดลงอย่างมีนัยฯ ถึง
45.0% จากไตรมาสก่อน และ 2.2% จากไตรมาสเดียวกันในปีก่อน และคิดเป็นสัดส่วน 16% ของประมาณการกำไรสุทธิทั้งปี 2558 ที่ประเมินไว้

โดยมีปัจจัยกดดันหลักจากการเพิ่มขึ้นของค่าใช้จ่ายภาษีเงินได้ (เนื่องจากในไตรมาส 4/57 มีการโอนกลับรายการภาษีเงินได้เป็นบวกกว่า 362 ล้านบาท จากการโอนกลับค่าใช้จ่ายทางภาษีสำหรับค่าเผื่อการด้อยค่าของลูกหนี้ NPL ที่เคยบันทึกไว้ในงวดที่ผ่านๆ มา ซึ่ง ณ ขณะที่ตั้งค่าใช้จ่ายด้อยค่านั้น ยังไม่ถือว่าเป็นค่าใช้จ่ายทางภาษี จึงต้องนำไปบวกกลับกับกำไรก่อนภาษีฯ เพื่อคำนวณภาษีเงินได้ แต่ต่อมาเมื่อทำการขายหรือปรับโครงสร้างหนี้สำหรับลูกหนี้ดังกล่าวเช่นในไตรมาส 4/57 ทำให้ธนาคารฯ สามารถนำค่าใช้จ่ายดังกล่าวมาหักภาษีได้ในงวดที่เกิดรายการ)

นอกจากนี้ ในไตรมาสดังกล่าวยังมีการตั้งสำรองหนี้ฯ เพิ่มขึ้นสูงเกินคาดมาก สอดคล้องกับการเพิ่มขึ้นของ NPL และรองรับความผันผวนของเศรษฐกิจในอนาคต อย่างไรก็ตาม หากพิจารณาภาพรวมธุรกิจหลัก จะเห็นการฟื้นตัวจากไตรมาส 4/57 และ 1/57 หนุนด้วยการลดลงของค่าใช้จ่ายดำเนินงานหลังพ้นช่วงฤดูกาลไปแล้ว ดีกว่าคาด ทำให้ช่วยหักล้างผลกระทบจากการลดลงของรายได้จากธุรกิจหลักไปได้ทั้งหมด จึงทำให้กำไรจากการดำเนินงานโดยรวมยังเห็นการปรับตัวเพิ่มขึ้น

 

ฝ่ายวิจัยยังคงประมาณการผลการดำเนินงานปี 2558-59 โดยคาดการณ์กำไรสุทธิปี 2558 เติบโตเล็กน้อยราว 4.3% จากปีก่อน (ส่วนใหญ่เป็นผลจากรายได้พิเศษที่ลดลง) แต่คาดว่าจะยิ่งโดดเด่นถึง 18.3% จากปีก่อน ในปี 2559 หนุนด้วยพัฒนาการทางบวกของธนาคารฯ จากแนวโน้มการเติบโตของสินเชื่อสุทธิ ที่เน้นไปที่กลุ่ม high yield มากขึ้น รวมไปถึง NIM รายได้ค่าธรรมเนียม และพัฒนาการของคุณภาพสินทรัพย์ที่แข็งแกร่งมากในปัจจุบัน

สำหรับแนวโน้มผลการดำเนินงานไตรมาส 2/58 คาดว่าจะเห็นการฟื้นตัวอย่างมีนัยฯ จากงวดก่อนหน้า เนื่องจากเชื่อว่าแรงกดดันจาก credit cost จะเริ่มผ่อนคลายลงไปมาก บวกกับนโยบายการตั้งสำรองหนี้ฯ ที่เข้มงวดเกินเกณฑ์อย่างมาก ทำให้แนวโน้มการลด NPL ด้วยการขายหรือโอนออกไป เพื่อบริหารจัดการให้เป็นไปตามเป้าหมาย จะทำให้ธนาคารฯ สามารถโอนกลับเงินกันสำรองหนี้ฯ ดังกล่าวกลับมาเป็นรายได้เช่นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในปี 2557 ที่ผ่านมา

คงคำแนะนำซื้อ Fair value ปี 2558 ที่ 3.60 บาท อิง PBV 2.08 เท่า ตามวิธี GGM ภายใต้คาดการณ์ ROE ที่ 13.70% LT growth 9% โดยราคาหุ้นที่ผ่านการปรับฐานแรงมากหลังประกาศงบ ก่อให้เกิดผลตอบแทนรวมกว่า 23% (รวมปันผล) ถือเป็นโอกาสทองให้เข้าลงทุนที่ไม่ได้พบเห็นได้บ่อยนัก

Back to top button