TTCL ชูแบ็กล็อกแข็งแกร่ง รองรับรายได้มั่นคงเดินหน้าทำโรงไฟฟ้าถ่านหิน รับรู้รายได้ปี 62

TTCL จัดประชุมชี้แจงรายละเอียดเกี่ยวกับโรงไฟฟ้าถ่านหิน 1,280 MW ที่ได้เซ็นสัญญาการลงทุนกับกระทรวงไฟฟ้าของพม่า


บล.เอเซีย พลัส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ ระบุในบทวิเคราะห์ (22 เม.ย.) ว่าวานนี้ บริษัท โตโย-ไทย คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TTCL จัดประชุมชี้แจงรายละเอียดเกี่ยวกับโรงไฟฟ้าถ่านหิน 1,280 MW ที่ได้เซ็นสัญญาการลงทุนกับกระทรวงไฟฟ้าของพม่า

โดยปัจจุบัน TTCL อยู่ระหว่างจัดเตรียมรายละเอียดสัญญาซื้อขายไฟ และศึกษาผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพในขั้นตอนสุดท้าย รวมถึงการจัดหาแหล่งเงิน ซึ่งคาดว่างานก่อสร้างจะเริ่มต้นในไตรมาส 1/59 และใช้เวลาก่อสร้าง 3-4 ปี โดยที่ TTCL จะเข้าไปเป็นผู้รับเหมาหลัก มีมูลค่างานที่จะรับดำเนินการเองประมาณ 1,500 ล้านเหรียญฯ ในส่วนเงินลงทุนของโครงการทั้งหมด 2800 ล้านเหรียญฯ นั้น จะมาจากเงินกู้ 75% ซึ่งได้รับการสนับสนุนหลักจาก JBIC

ขณะที่เงินทุนส่วนที่เหลืออีก 25% จะมาจากพันธมิตรญี่ปุ่นที่จะเข้ามาร่วมถือหุ้น และการนำบริษัท TTPHD (TTCL ถือหุ้น 58%) ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ในโรงไฟฟ้าถ่านหิน เข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้นสิงคโปร์ปี 2559 เพื่อระดมทุนอีกราว 300 ล้านเหรียญฯ ทำให้ TTCL ไม่มีความจำเป็นต้องเพิ่มทุน แต่จะมีสัดส่วนการถือหุ้นในโรงไฟฟ้าถ่านหินผ่านบริษัทย่อยในลำดับชั้นต่างๆ ลดลงเหลือประมาณ 20%

ทั้งนี้แม้ TTCL จะเข้าไปรับงานก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินเอง 1,500 ล้านเหรียญฯ แต่จะไม่กระทบต่อศักยภาพในการรับงานใหม่ๆในอนาคต เนื่องจาก TTCL ได้มีการเตรียมความพร้อมด้านบุคลากรไว้ล่วงหน้าแล้วถึง 2 ปี โดย TTCL ยังคงตั้งเป้าที่จะเซ็นสัญญารับงานใหม่ให้ได้อีกปีละ 800-1,000 ล้านเหรียญฯ/ปี โดยในปีนี้ TTCL ได้เซ็นสัญญารับงานโครงการใหญ่เข้ามาแล้ว 2 โครงการ คือโรงงานแปลงน้ำทะเลเป็นน้ำจืดในกาตาร์มูลค่า 225 ล้านเหรียญฯ และโรงไฟฟ้าขนาดเล็กในประเทศ มูลค่า 100 ล้านเหรียญฯ และอยู่ระหว่างรอผลประมูลงานเหมืองแร่ในประเทศลาว ซึ่งคาดว่าจะทราบผลภายในไตรมาส 2/58 มูลค่าประมาณ 200-250 ล้านเหรียญฯ จึงคาดว่ารายได้จากธุรกิจ EPC จะมีโอกาสขยับขึ้นแตะระดับ 4 หมื่นล้านบาท/ปี ในช่วงเวลา 2-3 ปี นับจากนี้

โดยฝ่ายวิจัยประเมินมูลค่าเพิ่มจากการที่ TTCL จะเข้าไปลงทุนในโรงไฟฟ้าถ่านหิน 1,280 MW ได้เท่ากับ 11.47 บาท ( บนสมมุติฐานว่าสุดท้าย TTCL จะมีสัดส่วนการถือหุ้น 18.9% ) อย่างไรก็ตาม การสร้างรายได้ของโรงไฟฟ้าดังกล่าวที่จะเกิดขึ้นในอีก 5 ปีข้างหน้า ฝ่ายวิจัยจึงคิดลดมูลค่าเพิ่มดังกล่าวให้เป็นมูลค่าปัจจุบัน โดยใช้อัตราคิดลด (Ke) 14.6% จะให้มูลค่าเพิ่มอยู่ที่ 5.80 บาท เมื่อรวมกับ Fair Value เดิมที่ประเมินด้วยวิธี Sum of the Part ที่ 33.27 บาท จะให้ FV ใหม่ที่ 39.07 บาท แนะนำ “ซื้อ”

Back to top button