ERW ซื้อโบรกฯอัพประมาณการกำไร-ราคาเป้าหมายเป็น 7 บาท
ERW ซื้อโบรกฯอัพประมาณการกำไร-ราคาเป้าหมายเป็น 7 บ.
บล.เคจีไอ ระบุในบทวิเคราะห์ (21 ส.ค.) บริษัท ดิ เอราวัณ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ ERW หลังจากที่ได้เปิดตัว “Hop-Inn” ซึ่งเป็นแบรนด์โรงแรมราคาประหยัดเมื่ออสามปีก่อนปัจจุบันขนาดธุรกิจของ Hop-Inn ที่เพิ่มขึ้นกลายมาเป็นตัวทำกำไรที่มีนัยสำคัญให้กับกลุ่ม
โดยรายได้ของ Hop-Inn คิดเป็นสัดส่วน 5% ของรายได้จากธุรกิจโรงแรมใน 1H60 และประมาณ 6% ของ EBITDA แต่ด้วย margin สูงถึง 45%ซึ่งธุรกิจของ Hop-Inn (2.0x สูงกว่าโรงแรม 5 ดาว) ช่วยหนุนให้ EBITDA margin ของธุรกิจโรงแรมรวมเพิ่มขึ้น
ตามแผนขยายกิจการ 5 ปีข้างบริษัท ERW มีแผนจะเพิ่มจำนวนโรงแรม Hop-Inn ในประเทศไทยปีละ 10 แห่ง ซึ่งจะทำให้มีจำนวนโรงแรมทั้งหมดประมาณ 50 แห่งภายในปี 2563 (จาก 32 แห่งในปี 2560๗ ในขณะที่มีแผนจะเพิ่มโรงแรม Hop-Inn ในประเทศฟิลิปปินส์เพิ่มอีก 12 แห่ง (จากปัจจุบันที่ 2 แห่ง)m ทั้งนี้บริษัทได้เตรียมจัดหาที่ดินไว้แล้ว 8 แปลงเพื่อพัฒนาเป็นโรงแรม Hop-Inn ซึ่งคาดว่าจะพร้อมเปิดให้บริการได้สองแห่งในปีหน้า และด้วย EBITDA margin ของ Hop-Inn จะสูงกว่ากลุ่มโรงแรมหรูประมาณ 2.0x การเข้ามา Hop-Inn ช่วยหนุนให้ EBITDA margin ของERW เพิ่มขึ้น 180bps ใน 1H60
ปรับเพิ่มประมาณการเนื่องจากเราได้ปรับสมมติฐาน margin เพิ่มขึ้น จากการที่ผลการดำเนินงานของ Hop-Inn ดีเกินคาด โดยในขณะที่เรายังคงประมาณการอัตราการเติบโตของ Repar เอาไว้เท่าเดิมที่ 6%/7% ในปี 2560/2561 แต่เราได้ปรับเพิ่มสมมติฐาน EBITDA margin ขึ้นอีกปีละ 150bps เป็น 30.5% ในปี 2560/2561 ซึ่งส่งผลให้การเติบโตของกำไรสุทธิในปี 2560/2561 เพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 25%/17%
ถึงแม้ว่าเราจะรวมค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานบางรายการที่เกี่ยวข้องกับการปรับปรุงโรงแรม Mariott ซึ่งอาจจะเกิดขึ้นและฉุดให้รายได้ของกลุ่มธุรกิจโรงแรมระดับหรูใน 2H60 ลดลงแล้ว แต่เราคาดว่ากำไรน่าจะยังโตได้อย่างแข็งแกร่ง จากอัตรา occupancy rate QTD ของโรงแรมในพอร์ตที่ 85%
นอกจากนี้ ยังคาดว่าอัตราการเติบโตของกำไรสุทธิปี 2560 จะอยู่ที่ 25% (จาก 27% ใน 1H60) ประเมินมูลค่า ERW โดยอิงจาก EV/EBITDA ที่ 13.5x (ค่าเฉลี่ยระยะยาว) และได้ราคาเป้าหมายในอีก 12 เดือนข้างหน้าที่ 7.0 บาท (จากเดิม 5.25 บาท) และคงคำแนะนำซื้อ