WHA โบรกฯชี้กำไร H2/60 เด่น-ราคาหุ้น Laggard ซื้อเป้า3.56บ.

WHA โบรกฯชี้กำไร H2/60 เด่น-หุ้น Laggard ซื้อเป้า3.56บ.


บล.ดีบีเอสฯ ระบุในบทวิเคราะห์วันนี้(24 ส.ค.) ว่า บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ WHA คาดกำไรครึ่งหลังปี 60 เป็น 67% เทียบกับทั้งปี 60 แม้กำไรสุทธิ 1H60 เติบโตถึง 132% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนเป็น 1.05 พันล้านบาท สืบเนื่องจากรายได้จากการขายนิคมฯโตถึง 134% ตามการโอนนิคมฯเป็นจำนวนมาก และดอกเบี้ยจ่ายปรับตัวลง 29% หลังมีการคืนหนี้เงินกู้ไป 5 พันล้านบาท แต่สัดส่วนกำไรครึ่งหลังปี 60 คิดเป็นเพียง 67% เทียบกับประมาณการปีนี้ เพราะในครึ่งหลังปี 60 จะมีรายการเสริมกำไรที่ดีคือ การขายสินทรัพย์เพิ่มเข้า WHART และ HREIT ในมูลค่าเงิน 4.8 พันล้านบาท โอนนิคมฯมาเป็นรายได้มากขึ้นจากครึ่งปีแรกประมาณ 500 ไร่ แต่ในครึ่งปีหลังจะโอนเพิ่มอีก 600 ไร่ รายการกำไรตามส่วนได้เสียสูงขึ้น เนื่องจากโรงไฟฟ้า Gheco-One กลับมาเดินเครื่องปกติตั้งแต่ไตรมาส2/60

ขณะที่ไตรมาส 1/60 มีการหยุดซ่อมบำรุง แสดงว่าครึ่งปีหลังได้รับกำไรตามส่วนได้เสียมาเต็มที่ รวมทั้งดอกเบี้ยจ่ายที่ทยอยปรับตัวลง แม้ฐานกำไร ครึ่งหลังปี 60 สูง แต่คาดปีนี้ยังเห็นกำไรเติบโตได้ 7% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนนั่นคือในช่วงครึ่งหลังปีที่แล้ว (2H59) มีการขายสินทรัพย์เข้ากอง REIT ถึง 11.7 พันล้านบาท แต่ปีนี้คาดว่าเป็นเพียง 4.8 พันล้านบาท แต่ก็มีข้อดีคือ อัตรากำไรขั้นต้นปีนี้จะดีขึ้นเป็น 38.4% จากปีที่แล้ว 30.8% เพราะในส่วนการขายเข้า WHART จะมีการรวม WHART กับ WHAPF เข้าด้วยกัน ทำให้สามารถใช้เงินกู้เพิ่มมาซื้อสินทรัพย์ได้ไม่จำเป็นต้องเพิ่มทุน อีกทั้งยังมีเรื่องการโอนนิคมฯได้มากขึ้น กำไรตามส่วนได้เสียที่สูงขึ้น ขณะที่ฐาน 2H59 ปีทีแล้วมีทั้งเรื่องการเกิดอุบัติเหตุในตัวโรงไฟฟ้า นอกจากนี้ดอกเบี้ยจ่ายก็ต่ำลง จากการคืนหนี้เงินกู้

ประมาณการปีนี้อาจดีกว่าคาด (Upside Risk) ในหลายกรณี คือ 1) อัตรากำไรขั้นต้นนิคมฯทั้งปี 60 ให้เป็น 45% จากรอบครึ่งปีแรกที่ 50.5% เพราะมีความผันผวนสูง 2) สัดส่วนค่าใช้จ่ายขาย-บริหารเทียบรายได้ปี 60 สูงเป็น 12% เทียบกับปี 59 ที่ 8.4% แม้การขายสินทรัพย์เข้า REIT ในมูลค่าเท่าใด ก็มีผลกับการเปลี่ยนแปลงค่าใช้จ่ายไม่มากนัก แต่ปีนี้มีโอนนิคมฯมากทำให้เสียภาษีธุรกิจเฉพาะและค่าธรรมเนียมการโอนมากขึ้น 3) กำไรตามส่วนได้เสียจากบริษัทร่วมเราให้ ครึ่งหลังปี 60 ไม่สูงเท่าไตรมาส2/60 เผื่อไว้ก่อน แม้ความจริง WHAUP มี COD โรงไฟฟ้าร่วมทุนเพิ่มอีก 2 โรง และ 4) ส่วนหักผู้ถือหุ้นส่วนน้อย (MI) ให้สูงไว้ก่อนเป็น 913 ล้านบาท จากปีก่อน 272 ล้านบาท เพราะปีนี้ได้รับกำไรจาก HEMRAJ มามาก

สิ่งที่น่าชื่นชมของบริษัท ด้านธุรกิจนิคมฯ 1H60 ขายได้ 584 ไร่ คิดเป็น 42% จากเป้าขายปีนี้ที่ 1,400 ไร่ สูงกว่า AMATA ที่ทำได้เพียง 180 ไร่ ทางบริษัทตั้งเป้าขายปี 61 ไว้ถึง 2,000 ไร่ ด้วยกลยุทธ์ยกระดับนิคมฯขึ้นเป็นเขตส่งเสริมอุตสาหกรรมอากาศยานและชิ้นส่วน หุ่นยนต์ และยานยนต์ในอนาคต สอดรับกับนโยบายระเบียงเศรษฐกิจภาครัฐ (EEC) ด้านธุรกิจคลังสินค้าและโรงงานให้เช่า ตั้งเป้าพื้นที่เช่า 2-2.5 แสนตารางเมตร

ขณะนี้มีทั้งที่ทำสัญญาแล้วและกำลังเจรจาและมีโอกาสได้สูงมากกว่า 80% จากเป้าแล้ว ด้านธุรกิของ WHAUP สำหรับน้ำที่ใช้ในอุตสาหกรรมโต 10% และไฟฟ้าในครึ่งปีหลังจะ COD เพิ่มอีก 2 โรง ทำให้กำลังการผลิตไฟฟ้าเฉพาะส่วนบริษัทเพิ่มมาเป็น 440 เม็กกะวัตต์ จากสิ้นปี 59 ที่ 350 MW

กำลังขยายตลาดนิคมฯไปเวียดนาม บริษัทย่อยในเวียดนามได้รับอนุมัติการลงทุนจากรัฐบาลเวียดนามให้พัฒนานิคมฯเมือง Nighe An เฟสแรก จำนวน 3,000 ไร่ โดยเบื้องต้นจะพัฒนาในปี 61 จำนวน 1,000 ไร่ก่อน โดยตั้งเป้ายอดขายปีแรกไม่มากนักเป็น 100-200 ไร่ งบทั้งหมดที่ใช้ประมาณ 4 หมื่นล้านบาทภายใน 6 ปี ส่วนธุรกิจโลจิสติกส์ที่อินโดนีเซียกำลังเจรจากับลูกค้าในเฟสที่ 2 หลังจากเฟสแรกทำคลังสินค้าไปประมาณ 2 หมื่นตารางเมตร

คงคำแนะนำซื้อ ขยับราคาพื้นฐานใหม่ขึ้นเล็กน้อยเป็น 3.56 บาทหลังปรับประมาณการดีขึ้นปีนี้และปีหน้าในอัตรา 1%/2% ตามลำดับสะท้อน กำไรตามส่วนได้เสียที่ดีกว่าคาด เทียบ เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนเติบโต 7%/4% ตามลำดับและประเมินด้วย P/E ปี 60 ที่ 16.5 เท่า ราคาปิดมีส่วนเพิ่มได้อีก 16.4% เห็นว่าราคาหุ้น WHA นั้นปรับขึ้นล่าช้ากว่า WHAUP ซึ่งเป็นบริษัทย่อยมาก (laggard play) นั่นคือ ตั้งแต่ต้นมิ.ย.60-ปัจจุบัน WHAUP ปรับขึ้น 15% แต่ WHA ปรับลง 2.5% ทั้งๆ ที่ WHA ถือหุ้นใน WHAUP ผ่าน HEMRAJ และอื่นๆ รวม 70% ในต้นทุนต่ำขณะที่ธุรกิจอื่นๆของ WHA ก็ยังดีอยู่มาก เช่น นิคมฯ และโลจิสติกส์ คลังสินค้า ในอนาคตก็จะมีธุรกิจ Data Center และโซลาร์รูฟท็อปด้วย

Back to top button