PTT อัพเป้าใหม่เป็น 450 บ. รับธุรกิจปลายน้ำ-ก๊าซปรับตัวดีขึ้น
PTT โบรกฯอัพเป้าใหม่เป็น 450 บ. รับแรงหนุนธุรกิจปลายน้ำ-ก๊าซปรับตัวดีขึ้น
บล.ธนชาต ระบในบทวิเคราะห์วันนี้(11 ก.ย.) ว่า บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT ปรับเพิ่มคำแนะนำหรับเป็น “ซื้อ” จาก ถือ และปรับราคาเป้าหมาย (โดยใช้ประมาณการปี 2018 เป็นปีฐาน) ขึ้นเป็น 450 บาท/หุ้น จากเดิม 350 บาท การปรับเพิ่มประมาณการของเราสะท้อนถึง: 1) มุมมองที่เป็นบวกมากขึ้นของเราต่อธุรกิจปลายน้ำ (ดูรายละเอียดในบทวิเคราะห์ “กลุ่มโรงกลั่น – แนวโน้มสดใส”) 2) กำไรของธุรกิจก๊าซมีแนวโน้มที่ดีขึ้น แม้จะสมมติให้ปริมาณขายเติบโตอย่างจำกัด และ 3) การปลดล๊อคมูลค่าจากการนำบริษัท ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (PTTOR) เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ซึ่งเราคาดว่าจะเข้าในช่วง 2H18F หรือ 1H19F
จากการปรับเพิ่มประมาณการของธุรกิจปลายน้ำของเรา เราได้รวมราคาเป้าหมายใหม่ของบริษัทย่อยของ PTT ในการประเมินมูลค่าของบริษัทฯ เราคาดว่าธุรกิจปลายน้ำจะยังคงเป็นปัจจัยหลักผลักดัน PTT ในช่วงหลายไตรมาสข้างหน้า โดยเฉพาะค่าการกลั่นที่แข็งแกร่ง ในแง่ของกำไรปกติจากบริษัทย่อย เราคาดว่าบริษัทย่อยที่ดำเนินธุรกิจปลายน้ำจะสร้างกำไรให้ในสัดส่วนราว 27% ของกำไรรวมของ PTT ในปี 2017 เทียบกับ 23% ในปี 2015 และ 26% ในปี 2016
คาดว่าธุรกิจก๊าซของ PTT จะมีแนวโน้มกำไรที่ดีขึ้น แม้ว่าปริมาณขายจะเติบโตได้อย่างจำกัด เนื่องจาก 1) การลอยตัวราคาขายส่งก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG) น่าจะส่งผลบวกต่อ PTT ในระยะยาว แม้ว่าปัจจุบันรัฐบาลจะอนุญาตให้ PTT ได้กำไรเพียง US$20/tonne (เทียบกับเดิมที่ไม่มีกำไร) ได้พูดถึงกลไกราคา LPG ในบทวิเคราะห์ก่อนหน้านี้ (
2) การนำเข้า LNG ที่มากขึ้นจะทำให้ PTT สามารถได้กำไรต่อลูกบาศก์ฟุตมากขึ้น แม้ว่าจะส่งผลกระทบเชิงลบต่อบริษัทย่อย PTTEP ก็ตาม และ 3) การที่รัฐบาลปรับราคาก๊าซธรรมชาติสำหรับรถยนต์ (NGV) ขึ้นราว 455 บาท/ตัน น่าจะช่วยลดผลขาดทุนจากธุรกิจนี้ได้เกือบ 1 พันลบ.ต่อปี ขณะที่การตราพ.ร.บ. พัฒนารัฐวิสาหกิจฯ(คาดว่าในปี 2018) จะช่วยลดภาระของ PTT ในส่วนของการอุดหนุนราคาก๊าซธรรมชาติ (NGV) สำหรับรถสาธารณะ (ราว 1.5 พันลบ. อิงประมาณของเรา)
หลังจากการดำเนินงานที่ชะงักงันในครึ่งแรกปีนี้ เริ่มเห็นสัญญาณการฟื้นตัวของความต้องการแก๊สโซลีนและดีเซล ในขณะที่ครึ่งแรกปีนี้ความต้องการเติบโตเพียง 2.5% ความต้องการในเดือนก.ค.เติบโตเกือบ 4%เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน ด้วยความต้องการดีเซลที่เพิ่มขึ้นมาก (4% เทียบกับ ครึ่งแรกปีนี้ที่โตน้อยกว่า 2%) ดังนั้นจึงปรับประมาณการปริมาณขายของเราขึ้นเป็น 2.5% ต่อปี ในปี 2017-19F เทียบกับเดิมที่ 2.0%