กูรูส่องหุ้นแบงก์ถูกจับตาคุณภาพสินทรัพย์KBANK เสี่ยง NPL น้อยสุด TCAP เสี่ยงสูง
โบรกฯชี้กลุ่มแบงก์ยังถูกจับตาเรื่องคุณภาพสินทรัพย์โดยเศรษฐกิจมหภาคที่ชะลอตัวส่งผลกระทบต่อคุณภาพสินทรัพย์ธนาคารพาณิชย์ แต่อยู่ในระดับที่จัดการได้ มอง KBANK มีความเสี่ยงจาก NPL น้อยที่สุด ขณะที่ TCAP มีความเสี่ยงสูงในกลุ่ม พร้อมชู KBANK เป็นหุ้น Top Pick ของกลุ่ม
บล.ดีบีเอสฯ ระบุในบทวิเคราะห์วันนี้ (15 พ.ค.) ว่า บริษัทประเมินว่ากลุ่มธนาคารพาณิชย์ได้ผ่านจุดที่แย่มาแล้ว คาดแนวโน้มจะค่อยๆ กระเตื้องขึ้นตามภาวะเศรษฐกิจ แต่การฟื้นตัวที่ล่าช้าของเศรษฐกิจมหภาคทำให้การเติบโตของกำไรสุทธิในปีนี้จะไม่มาก โดยการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายอาจทำให้ NIM ของกลุ่มธนาคารแคบลงในระยะสั้น ราคาหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ลดลงนับตั้งแต่รายงานผลประกอบการ ไตรมาส1/58 รวมถึงธนาคารที่มีผลประกอบการและคุณภาพสินทรัพย์ดี เช่น KBANK ด้วย ทั้งนี้ SETBANK อ่อนลงมาแล้ว 9%
คาดว่า NPL จะยังไม่ลดลงอย่างรวดเร็ว หลังปรับขึ้นใน ไตรมาส1/58 นำโดย KTB ซึ่งรายงาน NPL เพิ่มขึ้นเป็น 2.8% ของสินเชื่อรวม โดยมาจากลูกค้ารายย่อย (ที่พักอาศัย) และ SME ขนาดเล็ก และมีหนี้จับตาเป็นพิเศษอีก 8 พันล้านบาท ทำให้เกิดความกังวลกับปัญหา NPL ของกลุ่มธนาคารพาณิชย์มากขึ้น แม้ว่าธนาคารยืนยันว่าไม่น่าวิตกเพราะอยู่ระหว่างปรับโครงสร้างหนี้, ขายออกไป หรือตัดสูญ เราประเมินว่า NPL Ratio ของ KTB จะอยู่ระดับใกล้เคียงกับสิ้น ไตรมาส1/58 ไปอีกระยะหนึ่ง ส่วน NPL Ratio ของ KBANK, SCB และ BBL ขยับขึ้นเล็กน้อย 0.02-0.06% ใน ไตรมาส1/58
การวิเคราะห์ความอ่อนไหว (Sensitivity) โดยให้หนี้จับตาเป็นพิเศษกลายเป็น NPL 10%, 20% และทั้งหมด พบว่าจะกระทบกับ KBANK น้อยที่สุด โดยกรณีที่กลายเป็น NPL 10% พบว่า NPL Ratio ของกลุ่มจะเพิ่มขึ้น 0.131% จากสิ้นมี.ค.58 ที่ 2.56% และการตั้งสำรองฯเพิ่ม 19% และคาดการณ์กำไรสุทธิปีนี้ลดลง 6.8% โดย KBANK ได้รับผลกระทบน้อยที่สุด คือ คาดการณ์กำไรสุทธิลดลงเพียง 2.5% สำหรับธนาคารที่จะถูกกระทบมากที่สุดเป็น TCAP โดยประมาณการกำไรสุทธิจะหดตัวถึง 33%