SYNTEC กำไรไตรมาส1/58 น่าประทับใจแนะซื้อมีปัจจัยบวกหนุนเพียบเป้า 4.15 บ.
SYNTEC กำไรสุทธิไตรมาส1/58 น่าประทับใจโต 29% โบรกฯมองธุรกิจสดใสจากงานอาคารสูงที่มีมากและงานก่อสร้างในมืออยู่ในระดับสูง ผนวกกับเงินปันผลน่าพอใจ และมีเงินลงทุน BMCL ต้นทุนต่ำ รวมทั้งมีหนี้เงินกู้น้อยจึงแนะซื้อด้วยราคาพื้นฐาน 4.15 บาท
บล.ดีบีเอสฯระบุในบทวิเคราะห์วันนี้(19 พ.ค.) ว่า บริษัท ซินเท็ค คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SYNTEC กำไรสุทธิไตรมาส1/58 น่าประทับใจ รายได้จากการก่อสร้างเพิ่ม 11% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนเป็น 1.8 พันล้านบาท รายได้จากค่าเช่าและบริการเพิ่มถึง 61% เป็น 32 ล้านบาท ด้านอัตรากำไรขั้นต้นธุรกิจรับเหมาทำได้มากขึ้นเป็น 12.6% เช่นเดียวกับอัตรากำไรขั้นต้นของค่าเช่าและบริการสูงขึ้นเป็น 30.8% อีกทั้งสัดส่วนค่าใช้จ่ายขาย-บริการเทียบกับรายได้ลดลงเป็น 5.1% เทียบกับ เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ 5.4%
ด้านงบดุลแข็งแกร่ง ณ ปลาย ไตรมาส1/58 อัตราส่วนหนี้สินสุทธิต่อทุนเป็นเพียง 0.01 เท่า มูลค่าทางบัญชีต่อหุ้นเป็น 1.86 บาท ด้านกระแสเงินสดจากการดำเนินงานลดลงเป็น -77 ล้านบาท เทียบกับ เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ +449 ล้านบาท สืบเนื่องจากรายการลูกหนี้ที่เพิ่มขึ้น รวมทั้งเงินจ่ายล่วงหน้าให้ผู้รับเหมาช่วง ตามการขยายธุรกิจที่เติบโตเพิ่มขึ้น
ส่วนแนวโน้มธุรกิจสดใสอยู่ในช่วงวัฎจักรขาขึ้น Backlog ในมือ ณ สิ้นปี 57 สูงที่ 10.6 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 6% และสูงกว่า 5 ปีย้อนหลัง 83% แบ่งเป็นงานอาคารสูงมากสุด 29 โครงการ อาคารพาณิชย์ 2 โครงการ และสาธารณูปโภค 1 โครงการ งานก่อสร้างใหม่ที่ประมูลได้ให้อัตรากำไรขั้นต้น 15% สูงกว่างานในมือที่เฉลี่ย 12% สืบเนื่องจากการแข่งขันในอุตสาหกรรมที่น้อยลง ประมูลงานในช่วง ไตรมาส1/58 ได้อีก 2.3 พันล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 29% จากเป้าประมูลงานปีนี้ที่ 8 พันล้านบาทแล้ว
เดินหน้าประมูลงานเพิ่มต่อเนื่อง มูลค่ารวม 14.9 พันล้านบาท หากใช้โอกาสประสบความสำเร็จในการประมูล (success ratio) ที่ 30% จะได้งานเพิ่มอีกประมาณ 4.5 พันล้านบาท เมื่อรวมงานที่ได้ YTD 2.3 พันล้านบาท ก็แสดงว่าระหว่างปี หากประมูลงานได้เพิ่มอีก 1.2 พันล้านบาท ก็จะบรรลุเป้าหมายปีนี้แล้วที่ 8 พันล้านบาท รวมทั้งได้รับประโยชน์จากราคาเหล็กที่ปรับลง นั่นคือประหยัดค่าเหล็กก่อสร้างได้ประมาณ 80-100 ล้านบาท จากการที่บริษัทสั่งซื้อเหล็กที่จำนวน 2 หมื่นตันเมื่อไม่นานมานี้
คงคำแนะนำซื้อ ให้ราคาพื้นฐานเท่ากับ 4.15 บาท ประเมินด้วย P/E ปี 58 ที่ 11 เท่า คาดการณ์อัตราการเติบโตกำไรหลักปีนี้สูงเป็น 39% ส่วนคาดการณ์อัตราผลตอบแทนปันผลปีนี้น่าพอใจเป็น 2.9% นอกจากนั้น เราเห็นว่าบริษัทยังมีข้อดีอีก 3 ประการคือ 1) รายได้ค่าเช่าจาก เซอร์วิสอพาร์ทเม้นท์ทยอยเพิ่มขึ้น ปีนี้นอกจากแนชเชอรัล วิลล์ที่ลุมพินี ก็จะมีโครงการที่ศรีราชา ภายใต้บริษัทย่อย เอสซีอาร์ โครงการแรกเข้ามาเสริม ปีหน้าก็จะมีโครงการสองแล้วเสร็จเข้ามาเพิ่มรายได้อีก และ 2) มีที่ดินเปล่าจำนวน 55 ไร่ที่ทำเล เอกมัย-รามอินทรา ต้นทุนเพียง 1.8 ล้านบาทต่อไร่ ปัจจุบันปรับเพิ่มไปถึง 4.5 ล้านบาทต่อไร่ คิดเป็นกำไรแฝงที่ 149 ล้านบาท หรือ 0.09 บาทต่อหุ้น และ 3) ถือหุ้น BMCL ในต้นทุนที่ต่ำและมีโอกาสบันทึกรายได้พิเศษ ปัจจุบันเหลือหุ้น BMCL อีก 180 ล้านหุ้น ที่ต้นทุนเฉลี่ยต่ำเพียง 1.26 บาท จึงสามารถทยอยขายทำกำได้ เมื่อราคาหุ้น BMCL ปรับตัวขึ้นในอนาคต