GULF เปิดตัวอย่างทรงพลัง! ราคายังไปต่อแนะซื้อเป้า 80 บ.

GULF เปิดตัวอย่างทรงพลัง! ราคายังไปต่อแนะซื้อเป้า 80 บ.


บล.บัวหลวง ระบุในบทวิเคราะห์วันนี้(9ม.ค.) ว่า บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF ราคาหุ้นทะยานขึ้นกว่า 54% จากราคา IPO อย่างไรก็ตาม เราเชื่อว่าราคาหุ้นยังวิ่งขึ้นต่อได้อีก เนื่องจากเมื่อกำลังการผลิตที่บริษัทมีทั้งหมดเริ่มขายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ได้ GULF จะเป็นผู้ประกอบการโรงไฟฟ้าที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยทั้งในประเภท IPP และ SPP โดยกำลังการผลิตของบริษัทจะขยายมากกว่าเท่าตัวในปี 2568 ขณะที่กำลังการผลิตของบริษัทในกลุ่มฯที่เราให้คำแนะนำเติบโตเฉลี่ยอยู่ที่เพียง 20.6% นอกจากนี้กำลังการผลิตใหม่ทั้งหมดถูกการันตีโดยสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับกฟผ.แล้ว ดังนั้น เรายังไม่เห็นความเสี่ยงจากการเลื่อนวันเริ่มจำหน่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ที่จะเกิดขึ้นจากการปรับพีดีพี

นอกเหนือจากนี้ กำลังการผลิตของ GULF ยังมีอายุสัญญาที่ยาวที่สุดในกลุ่มฯที่เราให้คำแนะนำอีกด้วย ซึ่งบ่งชี้ถึงภาพกำไรในระยะยาวที่ชัดเจนที่สุด ทั้งนี้โรงไฟฟ้าแบบดั้งเดิมที่มีความเสี่ยงด้านการดำเนินงานต่ำและสถิติผลการดำเนินงานของโรงไฟฟ้าในกลุ่ม GULF ที่โดดเด่นตอกย้ำถึงเสถียรภาพการดำเนินงานของบริษัทที่มั่นคง เราจึงคาดกำไรของบริษัทจะเติบโตอย่างน้อย 6 เท่าตัวระหว่างปี 2561-2568 จาก 2,909 ล้านบาท เป็น 18,070 ล้านบาท

กำลังการผลิตที่อยู่ในแผนโรงสุดท้ายจะเริ่มดำเนินการเชิงพาณิชย์ในปี 2567 ซึ่งหมายถึงบริษัทจะรับรู้รายได้เต็มปีจากโรงไฟฟ้าดังกล่าวนับจากปี 2568 เป็นต้นไป ราคาหุ้น ณ ปัจจุบันชี้ PER ปี 2568 ของบริษัทจะลดลงเหลือเพียง 8.1 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยกลุ่มฯ ที่เราให้คำแนะนำที่ 11.1 เท่าอยู่พอสมควร นอกจากนี้ราคาหุ้นบ่งชี้ถึง PEG ระหว่างปี 2561-2565 ที่ 1.4 เท่า เทียบกับค่าเฉลี่ยกลุ่มฯที่เราให้คำแนะนำที่ 1.6 เท่า ดังนั้นเราจึงให้ราคาเป้าหมายสิ้นปี 2561 ที่ 80 บาท เทียบเท่าค่า PEG ปี 2561-2565 ของบริษัทในกลุ่มฯที่เราให้คำแนะนำที่ 1.6 เท่า

นอกเหนือจากภาพกำไรที่เติบโตโดดเด่น แนวโน้มธุรกิจของบริษัทยังมีอัพไซด์ต่อประมาณการของเรา จาก 1) ต้นทุนทางการเงินของ GULF ที่อยู่ในระดับสูงในราว 5.2-5.5% เทียบกับของค่าเฉลี่ยกลุ่มฯที่ระหว่าง 4-4.5% เราเชื่อว่าภาวะอัตราดอกเบี้ยต่ำ ณ ปัจจุบันจะหนุนให้บริษัทขอปรับลดอัตราดอกเบี้ยจ่าย (รีไฟแนนซ์) หรือออกพันธบัตรที่ต้นทุนทางการเงินต่ำลงได้ 2) หากค่า Ft ปรับตัวสูงกว่าสันนิษฐานของเราที่คาดเติบโตเฉลี่ย 2.3% ต่อปี และ 3) โอกาสที่จะได้กำลังการผลิตใหม่เข้ามาในอนาคต

Back to top button