TOP กำไรสต็อกพยุงช่วงที่เหลือของปีราคาใกล้เต็มมูลค่า แต่ยังให้ปันผลสูง
บล.เอเซีย พลัส ระบุว่า TOP เดินหน้าแผนลงทุนเพื่อเพิ่ม GIM ซึ่งจะเริ่มเห็นผลตั้งแต่ปี’59 จากการผลิตสาร LAB และสร้างโรงไฟฟ้า SPP ซึ่งจะช่วยผลักดันกำไรโตต่อเนื่อง ทั้งนี้แม้แนวโน้มกำไรปกติครึ่งปีหลังจะอ่อนตัว แต่ยังมีลุ้นกำไรจากสต๊อกน้ำมัน ซึ่งยังไม่รวมไว้ในประมาณการ
บล.เอเซีย พลัส ระบุในบทวิเคราะห์ (20 พ.ค.) ว่า จากการประชุมนักวิเคราะห์วันนี้ ยังไม่มีประเด็นใหม่ ผู้บริหารได้เน้นถึงแผนระยะสั้นของบริษัทในการขยายการลงทุนใน 2 โครงการหลัก ได้แก่ 1) โครงการผลิตสาร LAB (Linear Alkyl Benzene) ซึ่งเป็นสารตั้งต้นในการผลิตผงซักฟอก กำลังการผลิต 1 แสนตันต่อปี ถือเป็นการต่อยอดผลิตภัณฑ์เบนซีนที่ได้จากปิโตรเคมีสายอะโรเมติกส์ให้เป็นสาร LAB ที่ปัจจุบันไทยเป็นผู้นำเข้าสุทธิ ทั้งนี้หลังจากโครงการแล้วเสร็จเชิงพาณิชย์ในช่วงสิ้นปี 2558 จะช่วยเพิ่มอัตรากำไรโดยรวมของ TOP (GIM) ขึ้นอีกราว 0.4-0.6 เหรียญฯต่อบาร์เรล
และ 2) โครงการโรงไฟฟ้า SPP กำลังการผลิตรวม 239 เมกะวัตต์และกำลังการผลิตไอน้ำ 498 ตันต่อชั่วโมง โดยมีสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับ EGAT แล้วสัดส่วนราว 80% ส่วนที่เหลืออีก 20% จะนำไปใช้ภายในโรงงาน TOP ซึ่งคาดจะแล้วเสร็จเชิงพาณิชย์ในไตรมาส 2/59
ฝ่ายวิจัยยังคงประมาณการกำไรปี 58-59 โดยคาดแนวโน้มกำไรปกติในช่วงที่เหลือของปีจะอ่อนตัวลงในช่วงครึ่งปีหลังของปี 58 ขณะที่ในไตรมาส 2/58 ยังทรงตัวอยู่ได้เนื่องจากได้รับปัจจัยหนุนจากการหยุดเดินเครื่องซ่อมโรงกลั่น และโรงงานอะโรเมติกส์ประจำปีหลายแห่งทั่วโลก รวมถึงการหยุดเดินเครื่องของโรงงาน Dragon Aromatics ที่เกิดเหตุระเบิดไปช่วงต้นเดือน เม.ย. ที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตามคาดแนวโน้มกำไรปกติจะปรับตัวลดลงมีนัยสำคัญในช่วงครึ่งปีหลังของปี 58 เมื่อเทียบกับครึ่งปีแรกของปี 58 เนื่องจาก 1) เข้าสู่ช่วง Low season ของโรงกลั่น 2) รับผลกระทบจาก Supply น้ำมันสำเร็จรูปของโรงกลั่นใหม่ และผลิตภัณฑ์อะโรเมติกส์จากโรงงานใหม่ที่เกิดขึ้น แต่ทั้งนี้ยังมีปัจจัยบวกที่คาดหวังได้เริ่มตั้งแต่ในไตรมาส 2/58 และต่อเนื่องในครึ่งปีหลังของปี 58 ที่จะบันทึกเป็นกำไรจากสต๊อกน้ำมันตามทิศทางราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้นซึ่งฝ่ายวิจัยยังไม่รวมไว้ในประมาณการ
ฝ่ายวิจัยประเมินมูลค่าพื้นฐาน ณ สิ้นปี 2558 เท่ากับ 54 บาทต่อหุ้น โดยยังคงคำแนะนำ ถือ รับปันผล Dividend Yield เฉลี่ยต่อปีที่ 4.1%