JASIFกำไรรายไตรมาสจะดีขึ้นตามลำดับโบรกฯแนะซื้อราคาเป้าหมาย 10.59 บาท

บล.ดีบีเอสฯ ระบุในบทวิเคราะห์วันนี้(28 พ.ค.) ว่า กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานบรอดแบนด์อินเทอร์เน็ต จัสมิน หรือ JASIF บริษัทประกาศกำไรจากการลงทุน 606 ล้านบาท หรือกำไรต่อหุ้นที่ 0.1101 บาท และมีปันผลตามมาที่ 0.11 บาท คิดเป็นอัตราการจ่ายปันผล (payout ratio) ที่ 99% และอัตราผลตอบแทนปันผลที่ 1.2% (ณ วันคณะกรรมการมีมติปันผล) เราคาดว่าจะมีสิ่งที่ดีตามมา 2 ประเด็นคือ 1) กำไรรายไตรมาสจะดีขึ้นตามลำดับคือ ไตรมาส 3 ดีกว่าไตรมาส 2 และไตรมาส 4 ดีกว่าไตรมาส 3 และเงินปันผลจะยิ่งสูงขึ้นตามลำดับ และ 2) ปีนี้จะมีเงินลดทุนคืนให้ผู้ถือหน่วยสูงสุดในรอบ 3 ปีนี้

ทั้งนี้ในไตรมาส1/58 ที่ผ่านมาเริ่มส่งมอบทรัพย์สินใยแก้วนำแสงวันที่ 10 ก.พ.58 แสดงว่าเป็นผลการดำเนินงานไม่เต็มไตรมาส แสดงว่าไตรมาสถัดๆมาจะมีกำไรเต็มไตรมาส อีกทั้งจะมีการทยอยส่งมอบทรัพย์สินเพิ่มเติมอีก 180,000 คอร์กม.ภายใน 2 ปี หลังจากส่งมอบครั้งแรก 800,500 คอร์กม.ดังนั้นทรัพย์สินสำหรับปล่อยเช่าจะทยอยเพิ่มขึ้น โดยในเดือน ก.พ.และมี.ค.ที่ผ่านมาส่งมอบเพิ่มอีก 15,000 คอร์กม. ส่วนเงินลดทุนที่จะคืนให้ผู้ถือหน่วย จากที่ได้รับค่าเช่าล่วงหน้าทั้งหมดที่ 816 ล้านบาท จากการจัดสรรในรอบ 3 ปี ปีแรกปีนี้จะสูงสุดที่ 461 ล้านบาท หรือ 0.8038 บาท หรือคิดเป็นอัตราผลตอบแทนอีก 0.9% ทั้งนี้ทางกองทุนฯวางแผนที่จะจ่ายภายในปีนี้ หรือหลังประกาศงบไตรมาส3/58

คงคำแนะนำ ซื้อ ราคากองทุนปรับขึ้นสอดคล้องกับคำแนะนำ คาดว่าเป็นเพราเงินปันผลที่จูงใจ คาดการณ์อัตราผลตอบแทนปันผล+ลดทุนปีนี้และปีหน้าเป็น 8.7% และ 10.1% ตามลำดับ ประกอบกับนักลงทุนมีความเข้าใจมากขึ้นว่า JASIF มีความมั่นคงในประเด็นที่ TTTB ทำสัญญาเช่าระยะยาวหลักไปถึง 11 ปี สำหรับสัญญาหลัก และ 3 ปีสำหรับการับสัญญาเช่ารอง ซึ่งได้รับค่าเช่าเป็น 425 และ 750 บาทต่อคอร์ กม.ต่อเดือน ไม่เกี่ยวกับธุรกิจตัวแม่คือ JAS ดังนั้นการลงทุนในช่วง 3 ปีนี้จึงมีความมั่นคงสูง กำหนดราคาพื้นฐานเป็น 10.59 บาท ซึ่งประเมินด้วยวิธีส่วนลดเงินปันผล (DDM)

ส่วนความกังวลเรื่องที่ว่าการที่ AIS มาแข่งขันกับธุรกิจอินเตอร์เน็ตบอร์ดแบรนด์ความเร็วสูงจะทำให้ TTTB ลดการเช่า JASIF ในอนาคต แต่เราคาดว่าใน 3 ปีนี้จะไม่ได้รับผลกระทบเพราะมีสัญญาเช่าที่แน่นอนแล้ว นอกจากนี้ AIS ต้องใช้เวลากว่าที่โครงข่ายจะครอบคลุมทั่วประเทศ และขนาดตลาดที่จะขยายตัวได้อีกในอนาคต เพราะอัตราการใช้ (penetration rate) ยังต่ำในไทย