SENAโบรกฯมองหุ้นยังถูกแนะนำซื้อมีปัจจัยโซลาร์ ฟาร์มหนุนยิ่งน่าสนใจ

SENA โบรกฯมองแค่ธุรกิจอสังหาฯที่ทำในปัจจุบัน หากประเมินมูลค่าหุ้นก็พบว่าก็ถูกแล้ว คือ P/E และ P/BV ปี 58 เป็นเพียง 7.8 และ 1.0 เท่า ตามลำดับ ผนวกกับคาดการณ์อัตราผลตอบแทนปันผลปีนี้ที่ดีเป็น 5.1% การรุกธุรกิจพลังงานทดแทนคือ โซลาร์ ฟาร์มก็ยิ่งน่าสนใจ เพราะหากทำได้สำเร็จ ก็จะช่วยลดความผันผวนในแหล่งที่มาของรายได้และกำไร คงคำแนะนำ ซื้อ ประเมินราคาพื้นฐานไว้ที่ 4.74 บาท ด้วย P/E ปี 58 ที่ 9 เท่า ราคาปิดมีส่วนเพิ่มอีก 15% ขณะที่ P/E กลุ่มพลังงานทดแทนปี 58 จาก 5 หลักทรัพย์ปัจจุบันเฉลี่ยสูงถึง 31.0 เท่า


บล.ดีบีเอสฯ ระบุในบทวิเคราะห์วันนี้ (3 มิ.ย.58) ว่า บริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ SENA จะประกาศรายละเอียดธุรกิจ โซล่า ฟาร์มในไตรมาส 3/58 โดยบริษัทได้ประกาศว่าในการรุกธุรกิจพลังงานทดแทนนี้จะร่วมทุนกับบริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด สัดส่วนการลงทุนในบริษัทร่วมทุนใหม่คือ บี.กริม เสนา เป็น 50:50 โดยจะผ่านมติจากกรรมการบริษัทประมาณปลาย มิ.ย.58 และประกาศรายละเอียดของธุรกิจนี้ได้ประมาณ ไตรมาส3/58

สำหรับข้อดีคือ 1) บริษัทมีความพร้อมด้านการเงิน อัตราส่วนหนี้สินสุทธิต่อทุน ณ ปลายไตรมาส1/58 เป็น 1.1 เท่า มีเงินสดในมือ 506 ล้านบาท ขณะที่เงินลงทุนเป็นระดับพันล้านบาท คาดว่าจะสามารถใช้เงินกู้ได้ และ 2) พันธมิตรคือ บี.กริม เพาเวอร์ ซึ่งมีประสบการณ์สูงและยาวนาน ก็จะช่วยเพิ่มโอกาสสำเร็จได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะด้านเทคโนโลยีที่ SENA ไม่มีมาก่อน

โอกาสในการทำธุรกิจโซล่า ฟาร์มมีหลายทางเลือก เช่น รอรัฐบาลเปิดใบอนุญาตเพิ่ม หรือร่วมทุนกับผู้ประกอบการที่มีใบอนุญาตอยู่แล้ว หรือรุกตลาดราชการ เช่น สหกรณ์ หรือกองทหารในส่วนต่างๆ เป็นต้น เราคาดว่าบริษัทจะค่อยๆเพิ่มกำลังการผลิตไฟฟ้า ยกตัวอย่างคือ เริ่มจาก 10 เมกกะวัตต์ก่อน แล้วค่อยๆเพิ่มขึ้น เมื่อมีประสบการณ์ ความชำนาญ และพิสูจน์ได้แล้วว่ามีสายส่งไฟฟ้าที่พร้อมในการจำหน่ายไฟฟ้าได้อย่างมีประสิทธิผล อีกทั้งบริษัทน่าจะเริ่มจำหน่ายไฟฟ้าได้อย่างเร็วตั้งแต่ต้นปี 59 เป็นต้นไป

ธุรกิจผลิตไฟฟ้าบนหลังคาที่อยู่อาศัย (Solar Roof Top) ก็สนใจ บริษัทวางแผนว่าจะเริ่มจากบ้านใน 3 โครงการ จำนวนประมาณ 70 หลัง แต่จะมีการเจรจากับเจ้าของบ้านก่อน ด้วยแรงจูงใจในการให้เงื่อนไขพิเศษกับผู้ซื้อบ้าน สำหรับในรายละเอียดก็จะเปิดเผยในงวด ไตรมาส 3/58 เช่นกัน แต่ในเบื้องต้นคาดว่ากำลังการผลิตจะเป็น 750 กิโลวัตต์ และให้รายได้ตกปีละ 6 ล้านบาทในช่วงระยะเริ่มต้น

ธุรกิจที่อยู่อาศัยก็ยังแข็งแรง แม้คาดการณ์อัตราการเติบโตของกำไรสุทธิเทียบกับ เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนปีนี้และปีหน้าเป็น 7% และ 10% ตามลำดับ จะไม่สูงมากเท่ากับปี 57 ซึ่งเติบโตก้าวกระโดดถึง 61% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนแต่ก็ถือว่าน่าพอใจ โดยยอดขาย (presales) ในงวดไตรมาส1/58 เป็น 798 ล้านบาท เทียบกับเป้ายอดขายปีนี้ที่ 4.5 พันล้านบาทเป็นสัดส่วน 18% ทั้งนี้ยอดขายในปี 57 ที่ผ่านมาเป็นเพียง 2.2 พันล้านบาท

คาดว่ายอดขายในช่วงที่เหลือปีนี้จะเร่งตัวขึ้นได้ดี เพราะตั้งแต่ต้นปีถึง พ.ค.58 (YTD) เปิดขายโครงการเป็นเฉพาะแนวราบทั้งหมด 5 โครงการ แต่จะมีการเปิดขายคอนโดอีก 3 แห่งและแนวราบอีก 3 โครงการ ซึ่งปกติคอนโดจะสามารถเพิ่มยอดขายได้เร็วกว่าแนวราบ รวมปีนี้จะเปิดขายทั้งหมด 11 โครงการ โดยปรับลดคอนโดเปลี่ยนเป็นแนวราบไป 2 โครงการ เพราะกำลังซื้อที่ชะลอตัวลง อีกทั้งโครงการแนวราบใช้ต้นทุนในการลงทุนน้อยกว่าคอนโด

เป้าหมายรายได้ปีนี้เป็น 3 พันล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้น 10% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนเราคาดว่าอยู่ในวิสัยที่บริษัทจะทำได้ เพราะยอดขายรอโอน (Backlog) ณ สิ้นปีไตรมาส1/58 เป็นประมาณ 1.8 พันล้านบาท ซึ่งจะรับรู้รายได้ปีนี้อย่างน้อย 500 ล้านบาท เมื่อรวมกับรายได้ในงวดไตรมาส1/58 ก็คิดเป็นสัดส่วน 33% จากประมาณการรายได้ปีนี้แล้ว

อาจจะมีความเสี่ยงจากแรงขายของหุ้นปันผลและหุ้นที่แปลงมาจากวอร์แรนท์ในอนาคต แต่ถือว่าไม่เกี่ยวกับปัจจัยพื้นฐาน ทั้งนี้บริษัทได้มีการจ่ายเงินปันผลเป็นหุ้นในงวดสุดท้ายปี 57 จะทำให้มีจำนวนหุ้นเพิ่มขึ้นมา 109 ล้านหุ้น แต่ยังไม่กำหนดวันเข้าซื้อขายในตลาดฯ อีกทั้งบริษัทยังมีวอร์แรนท์ที่จัดสรรให้กับกรรมการและพนักงานบริษัทที่มีต้นทุนการแปลงสภาพที่ต่ำคือ  SENA-WA, SENA-WB และ SENA-WC จึงอาจมีแรงขายทำกำไรได้ เมื่อมีการแปลงสภาพ ทั้งนี้ต้นทุนคือ SENA-WA, SENA-WB เป็น 1.96 บาท และ SENA-WC เป็น 2.85 บาท ทั้งนี้จำนวนหุ้นสามัญที่เหลือหากแปลงวอร์แรนท์เข้ามาตกประมาณประเภทละ 2 ล้านหุ้น รวมเป็นประมาณ 6 ล้านหุ้น

คงคำแนะนำ ซื้อ ประเมินราคาพื้นฐานไว้ที่ 4.74 บาท ด้วย P/E ปี 58 ที่ 9 เท่า ราคาปิดมีส่วนเพิ่มอีก 15% ผนวกกับคาดการณ์อัตราผลตอบแทนปันผลปีนี้และปีหน้าที่ดีเป็น 5.1% และ 5.6% ตามลำดับ ด้วยอัตราการจ่าย (payout ratio) ที่ 40% ขณะที่ P/E กลุ่มพลังงานทดแทนปี 58 จาก 5 หลักทรัพย์ปัจจุบันเฉลี่ยสูงถึง 31.0 เท่า 5 หลักทรัพย์ดังกล่าวได้แก่ DEMCO, IFEC, EA, GUNKUL และ SOLAR อย่างไรก็ตามไม่สามารถเปรียบเทียบโดยตรงได้ เพราะหลักทรัพย์เหล่านี้มีกำลังการผลิต และสัญญาจำหน่ายไฟบ้างแล้ว แต่ SENA ยังไม่มีแต่อย่างใด จึงเป็นเพียงการยกตัวอย่างให้เห็นภาพเท่านั้น

Back to top button