AH โบรกชูกำไร Q3/61 โตดีต่อเนื่อง-ราคาไม่แพงแนะซื้อเป้า 45.50 บ.
AH โบรกชูกำไร Q3/61 โตดีต่อเนื่อง-ราคาไม่แพงแนะซื้อเป้า 45.50 บ.
บล.บัวหลวง ระบุในบทวิเคราะห์วันนี้(18ต.ค.) ว่า บริษัท อาปิโก ไฮเทค จำกัด (มหาชน) หรือ AH คาดจะประกาศการเติบโตของกำไรสุทธิ 11% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน มาอยู่ที่ 270 ล้านบาท ในไตรมาส 3/61 หนุนโดยอัตรากำไรขั้นต้นที่เพิ่มขึ้น (เป็น 7.2% เพิ่มขึ้นจาก 5.0% ในไตรมาส 3/60) และการขยายตัวของยอดขาย ( ที่เราคาดว่าจะอยู่ที่ 3% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน มาอยู่ที่ 4.2 พันล้านบาท) ทั้งนี้ยอดการผลิตรถยนต์เพิ่มขึ้น 15.1% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน ในเดือน ก.ค. และ 2.2% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน ส.ค. ทั้งนี้เราคาดว่าจะเป็นประโยชน์โดยตรงต่อธุรกิจผลิตชิ้นส่วนรถยนต์
AH ตั้งเปาจะเพิ่มอัตรากำไรขั้นต้นสำหรับธุรกิจผลิตรถยนต์โดยการเพิ่มผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ให้อัตรากำไรสูงขึ้น เช่น เพลารถยนต์ บริษัทมีโปรแกรมลดต้นทุนโดยปรับปรุงการผลิตสินค้าเพื่อลดเศษซาก นอกเหนือจากนี้ AH ได้ใช้ระบบออโตเมติกในการผลิต ปัจจุบันบริษัทมีหุ่นยนต์ 400-500 ตัวในกระบวนการผลิตและมีแผนจะเพิ่มจำนวนหุ่นยนต์ในทั้ง 3 โรงงาน เราประเมินว่าอัตรากำไรขั้นต้นจะขยายตัวจาก 6.3% ในปี 2560 มาอยู่ที่ 6.7% ในปี 2561 และ 7.0% ในปี 2562
เมื่อเดือนพ.ค. 2560 ทาง AH ลงทุน 100 ล้านเหรียญสหรัฐ (3.5 พันล้านบาท) ถือหุ้น 25% ใน SGAH (โครงการร่วมทุนระหว่าง Sakthi และ AH) และเมื่อวันที่ 10 ต.ค. 2561 ที่ผ่านมา AH เพิ่มสัดส่วนการลงทุนเป็น 49.99% (อีก 25 ล้านเหรียญ ซื้อหุ้นเพิ่มหุ้นอีก 24.99% ของ SGAH รวมถึงการปล่อยเงินกู้แก่ SGAH อีก 40 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยคิดดอกเบี้ยอยู่ที่ 10%) โดยเรายังไม่ได้ทำการรวมปัจจัยในการลงทุนหรือรายได้จากดอกเบี้ยในประมาณการของเรา (SGAH คาดว่าจะไม่ทำกำไรในปี 2561 และ 2562 เนื่องจากอยู่ระหว่างการเริ่มดำเนินการ)
นอกจากนี้ AH ได้เซ็นสัญญาร่วมกับ VINFAST ซึ่งเป็นบริษัทลูกของ VINGROUP เพื่อตั้งบริษัทร่วมทุน (AH จะถือหุ้น 51% และ VINFAST ถือหุ้น 49%) งบลงทุนอยู่ที่ 1.8 พันล้านบาท โดยจะเป็นผู้ผลิตชิ้นส่วนโลหะปั๊มขึ้นรูปและประกอบตัวถังรถยนต์ สำหรับ 2 โมเดลแรก – รถเก๋งซีดาน และ SUV – ของพาหนะ VINFAST โดย AH จะทยอยส่ง ชิ้นส่วนต้นแบบ (Tooling & Die)ให้ VINFAST ในเดือนธันวาคม 2561 และตั้งเปาจะเริ่มผลิตชิ้นส่วนในไตรมาส 3/62
มองว่าตลาดรถยนต์ในเวียดนามยังเติบโตได้อีกมากเนื่องจากชนชั้นกลางเพิ่มขึ้นและกำลังซื้อที่ยังสูงอยู่ การร่วมทุนครั้งนี้จะส่งผลประโยชน์ต่อ AH ในด้านการบุกตลาดเวียดนามและโอกาสในการผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ให้กับผู้ผลิตรายอื่นๆในประเทศดังกล่าว อย่างไรก็ตาม การร่วมทุนนี้ต้องใช้เวลาในการพิสูจน์ว่าจะสามารถทำกำไรได้ดีในปี 2563 ดังนั้นเราจึงให้ปัจจัยนี้เป็นอัพไซด์ต่อประมาณการในระยะยาว