TU สินค้าใหม่-ขยายตลาดหนุนธุรกิจระยะยาวแนะซื้อเป้าหมาย 20.60 บาท
TU สินค้าใหม่-ขยายตลาดหนุนธุรกิจระยะยาวแนะซื้อเป้าหมาย 20.60 บาท
บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง ระบุในบทวิเคราะห์วันนี้(4ธ.ค.) ว่า บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ TU แนะนำ “BUY” ราคาเป้าหมาย 20.60 บาท/หุ้น ราคาวัตถุดิบปลาทูน่าในเดือน พ.ย. ปรับตัวลดลง 8% MoM และ 30% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็น 1,400 เหรียญ/ตัน ซึ่งทำให้ราคาเฉลี่ยใน 2 เดือนแรกของ ไตรมาส4/61 อยู่ที่ 1,463 เหรียญ/ตัน ลดลง 32% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเป็นบวกต่อผลประกอบการ ไตรมาส4/61 โดยคาดอัตรากำไรขั้นต้นจะเพิ่มขึ้นจากประมาณ 11% ใน 4Q60 มาที่ 14-15% เรายังคาดว่าราคาเฉลี่ยของปลาทูน่าในปี 2562 จะทรงตัว และมีความผันผวนไม่มากเหมือนปี 2560 ซึ่งจะส่งผลให้ TU สามารถบริหารจัดการต้นทุนและกำหนดราคาขายได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ธุรกิจแซลมอนมีแนวโน้มฟื้นตัวหลังจากหยุดธุรกิจในสกอตแลนด์ที่ขาดทุน โดยมีการบันทึกขาดทุนจากการด้อยค่าสินทรัพย์ของธุรกิจในสกอตแลนด์ไปทั้งจำนวนแล้ว 420 ล้านบาทในไตรมาส3/61
โดยหากมีการปิดโรงงานคาดจะมีค่าใช้จ่ายชดเชยให้พนักงานประมาณ +/-5 ล้านเหรียญสหรัฐฯ แต่หากขายโรงงานได้ อาจมีการบันทึกรายได้กลับ ส่วนกรณีที่กลุ่มผู้นำเข้าอาหารทะเลในสหรัฐฯ ซึ่งรวมถึง Chicken of the Sea Frozen Foods แพ้การอุทธรณ์กรณีภาษีทุ่มตลาดสำหรับกุ้งแช่แข็งนำเข้าไปสหรัฐฯ ในช่วงปี 2555-2556 ทำให้อัตราภาษี AD ยังคงอยู่ที่ 4.98-25.76% ไม่กระทบต่อผลประกอบการของ TU เนื่องจากเป็นเงินที่ได้จ่ายไปแล้วและไม่ต้องจ่ายเพิ่มเติม
การออกสินค้าใหม่ๆ รวมทั้ง Fish Oil เป็นไปตามแผน โดยโรงงาน Fish oil ในเยอรมันจะเริ่มผลิตเชิงพาณิชย์ในเดือน ธ.ค. อีกทั้งมีการขยายธุรกิจในจีน โดยจะเปิดร้าน Lobster Lab ในซุปเปอร์มาร์เก็ต Herma (ในเครือ Alibaba) ที่เซี่ยงไฮ้ แม้ยอดขายจากสินค้าใหม่ๆและการขยายตลาดจะยังไม่ส่งผลกระทบต่อยอดขายอย่างมีนัยสำคัญในระยะสั้น แต่คาดจะสนับสนุนการเติบโตในระยะยาว