KBANK ปัจจัยพื้นฐานยังแข็งแกร่งชูให้เป็นหุ้น Top Pick ในกลุ่มแบงก์
KBANK โบรกฯมองปัจจัยพื้นฐานยังแข็งแกร่ง มีการกระจายความเสี่ยงของพอร์ตสินเชื่อที่ดี การปรับขึ้นดอกเบี้ยเงินกู้กระทบกำไรจำกัด อีกทั้งความเสี่ยงจากการด้อยค่าของคุณภาพสินทรัพย์ไม่สูง แนะนำซื้อ ราคาพื้นฐาน 280 บาท
บล.ดีบีเอสฯ ระบุในบทวิเคราะห์วันนี้ (22 มิ.ย.) ว่า ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KBANK สินเชื่อเดือนเม.ย.58 เติบโตดีสุดในกลุ่มแบงค์ใหญ่ โดยขยายตัว (+1.4%เดือนก่อนหน้า) ขณะที่กลุ่มเติบโต 0.6%เดือนก่อนหน้า (รวม BTMU) แต่ถ้าไม่รวม BTMU กลุ่มจะขยายตัว 0.5%เดือนก่อนหน้า โดยสินเชื่อที่เติบโต โดยหลักเป็นสินเชื่อเพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน
อีกทั้งมีการกระจายความเสี่ยงของพอร์ตสินเชื่อที่ดี รวมทั้งมี SME High Yield เป็นสัดส่วนที่มาก ทำให้ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยของธนาคารอยู่ในระดับสูง
วิเคราะห์ผลกระทบจากการปรับลดดอกเบี้ยเงินกู้ โดยให้ทุกธนาคารปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ 0.13% พบว่า KBANK เป็นธนาคารที่ได้รับผลกระทบน้อยที่สุด โดยคาดการณ์ NIM ลดลงเพียง 0.03% และกำไรสุทธิลดลงเพียง 0.6%
การวิเคราะห์ความอ่อนไหว (Sensitivity) เกี่ยวกับหนี้ด้อยคุณภาพ…KBANK แข็งแกร่งที่สุดในกลุ่ม โดยการวิเคราะห์กรณีที่แย่ที่สุด เมื่อนำ NPL Ratio และ SM Ratio ณ สิ้นไตรมาส 1/58 มารวมกันเพื่อดูว่าธนาคารใดมีความเสี่ยงต่อการด้อยค่าของคุณภาพสินทรัพย์มากที่สุด เราพบว่า TISCO และ TCAP ยังมีความเสี่ยงสูง เพราะ TCAP มีสัดส่วน NPL Ratio ณ สิ้นมี.ค.58 สูงที่ 4.1% ขณะที่ TISCO มี SM Ratio สูงที่ 8.3% ขณะที่ KBANK มีความเสี่ยงต่ำที่สุด โดยมี NPL+SM Ratio เท่ากับ 3.70%
ยังคงให้ KBANK เป็นหุ้น Top Pick ในกลุ่มธนาคารพาณิชย์ โดยจุดเด่น คือ คุณภาพสินทรัพย์ที่ดีกว่าเฉลี่ยของกลุ่ม มีการกระจายของพอร์ตสินเชื่อและรายได้ที่สมดุล มี NIM สูง การเติบโตของรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยดี ทำให้มี ROE แข็งแกร่ง คาดการณ์ว่ากำไรสุทธิปีนี้จะเติบโต 9% สูงกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่มที่ 6% แนะนำซื้อ KBANK ให้ราคาพื้นฐาน 280 บาท โดยอิงกับ Gordon Growth Model (18% ROE, 14% growth และ 16% cost of equity) ซึ่งเทียบเท่ากับ P/BV ปีนี้ที่ 2.2 เท่า