ซื้อสะสม AAV ราคาลงจน Upside เกิน 40%คาดการณ์กำไร Turnaround แรงสุดในกลุ่ม
ราคาหุ้น AAV ปรับตัวลงรับข่าวสารพัดข่าวร้าย ทั้งๆ ที่ไม่น่าสร้างผลกระทบที่มีนัยฯ ต่อผลประกอบการที่คาดจะ Turnaround แรงมากสุดในปีนี้ (+688%) แม้หุ้นอาจ Underperform อีกระยะจากปัจจัยลบที่ยังแวดล้อม แต่โบรกฯเชื่อเป็นโอกาส ซื้อสะสม
บล.เอเซีย พลัส ระบุในบทวิเคราะห์ (24 มิ.ย.) ว่า ที่ประชุมบริษัท เอเชีย เอวิเอชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ AAV วานนี้ หลักๆ มี 2 ประเด็น คือ 1) บริษัทคาดไม่ได้รับผลกระทบใดๆ จากกรณีกรมการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO) ให้ธงแดงกับประเทศไทย (แสดงถึงมาตรฐานกำกับดูแลสายการบินของหน่วยงานรัฐฯที่ต่ำมาตรฐาน) จนบางประเทศ อาทิ ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ มีมาตรการห้ามสายการบินสัญชาติไทยเพิ่มจุดบิน ส่งผลให้สายการบินไทย แอร์เอเชีย เอ๊กซ์ ต้องประกาศหยุดบินไปซัปโปโรประเทศญี่ปุ่น (ยังไม่อนุมัติเป็นเส้นทางประจำ)
ทั้งนี้ ที่ไม่มีผลกระทบต่อ AAV แม้สายการบินดังกล่าวถือหุ้นโดยผู้บริหาร AAV โดยไม่ได้นำ AAV มาเกี่ยวข้องเลย ขณะที่สายการบินไทย แอร์ เอเชีย ซึ่งเป็นบริษัทเดียวที่ AAV ถือหุ้น (สัดส่วน 55%) ผู้บริหารคาดไม่กระทบเช่นกัน เพราะประเทศในภูมิภาคที่ให้บริการอยู่ไม่ได้ออกมาตรการใดๆ เพิ่มเติมต่อเที่ยวบินที่ให้บริการอยู่แล้ว
นอกจากนี้แผนขยายเส้นทางไปจีนในไตรมาส 4/58 อีก 3 เส้นทาง ปัจจุบันจีนได้อนุมัติเส้นทางบินให้แล้ว AAV จึงยังคงเป้าหมายทางธุรกิจไว้ดังเช่นต้นปีทั้งหมด อีกทั้งทางบริษัทกำลังขอมาตรฐานระดับโลกอย่าง IOSA (International Operational Safety Audit) จากสมาคมสายการบินนานาชาติ (IATA) ให้ได้เช่นเดียวกับ BA และ THAI ซึ่งคาดได้ใน 3 เดือนข้างหน้า
และ 2) ส่วนโรคเมอร์ส ทางบริษัทไม่มีความกังวล เห็นได้จากภาครัฐฯควบคุมโรคได้ดี โดยเชื่อว่าจะไม่มีการระบาดในไทย ขณะที่โรคดังกล่าวที่ระบาดในเกาหลี กระทบกับสายการบินไทย แอร์ เอเชีย เอ๊กซ์ เท่านั้น (ไม่เกี่ยวข้องกับ AAV)
ประเด็นส่วนใหญ่ที่ผู้บริหารชี้แจงข้างต้น ส่วนใหญ่สอดคล้องกับฝ่ายวิจัยว่าประเด็นลบเข้ามาระยะนี้จะกระทบต่อ Sentiment การลงทุนเป็นหลัก และไม่น่ามีผลกระทบต่อประมาณการอย่างมีนัยฯ โดย
สิ่งที่คลายความกังวลเรื่องผลกระทบ ICAO ต่อคาดการณ์กำไร AAV คือ การได้รับอนุญาตให้เปิดเส้นทางบินในจีนแล้ว ทำให้หมดความเสี่ยงที่ AAV อาจต้องไปเปิดเส้นทางบินอื่นที่มีศักยภาพด้อยกว่ามาทดแทน ขณะที่แนวโน้มที่จะได้รับมาตรฐาน IOSA ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า คาดว่าจะเป็นเกราะคุ้มกันผลกระทบ
กรณีเลวร้ายที่บางประเทศอาจมีมาตรการห้ามมิให้สายการบินสัญชาติไทยนำเครืองไปลง ซึ่งแต่ละสายการบินจะต้องแก้ไขโดยให้ประเทศที่มีมาตรการรุนแรงมาตรวจโดยตรง การมี IOSA จะช่วยให้กระบวนการตรวจสอบเป็นไปด้วยความรวดเร็ว ภาพรวม ฝ่ายวิจัยจึงยังคงประมาณการปีนี้ที่คาดเติบโตสูง 688% มาอยู่ที่ 1.4 พันล้านบาท และเพิ่มขึ้นอีก 32% ในปีหน้า
ราคาปัจจุบันน่าจะตอบรับข่าวร้ายจนใกล้เคียงมูลค่าทางบัญชีต่อหุ้น จึงถือเป็นโอกาสดี ซื้อสะสม โดยมูลค่าพื้นฐาน (6.00 บาท) มี Upside น่าลงทุนถึง 40.1% ทั้งนี้ AAV มี PER ปี 2558 ที่ 14.4 เท่า แม้สูงกว่าสายการบินต้นทุนต่ำโลกซึ่งเฉลี่ย 14.2 เท่า แต่กำไร AAV เติบโต 688% เหนือทั่วโลก (เติบโต 171%)