TCAP ราคาถูก-ปันผลโดนใจ Q2 พลิกโตเด่นพร้อม Outperform เมื่อเห็นพัฒนาการบวก
พัฒนาการบวกที่มีต่อเนื่องใน Q2/58 จากความพยายามของ TCAP เพื่อปิดจุดอ่อนที่ตลาดกังวลทั้งเพิ่ม CASA เพิ่ม CET1 ลด NPL เพิ่ม Coveage ratio นำไปสู่การเพิ่ม FV ไปที่ PBV 0.87 เท่า (ค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 10 ปี) เป็น 37.50 บาท
บล.เอเซีย พลัส ระบุในบทวิเคราะห์ (29 มิ.ย.) ว่า ฝ่ายวิจัยคาด บริษัท ทุนธนชาต จำกัด (มหาชน) หรือ TCAP จะมีกำไรสุทธิไตรมาส 2/58 เท่ากับ 1.46 พันล้านบาท เติบโตถึง 9.5% จากไตรมาสก่อน และ 18.1% จากไตรมาสเดียวกันในปีก่อน แม้ยังเห็นแรงกดดันจากการลดลงของสินเชื่อสุทธิในทุกกลุ่ม โดยเฉพาะสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ แต่คาดว่ายังสามารถประคองรายได้ดอกเบี้ยสุทธิให้ทรงตัวได้ อานิสงค์จากการลดลงของค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยโดยเฉพาะจากกลยุทธ์การเพิ่มเงินฝากต้นทุนต่ำประเภท CASA มาที่ 40% ของเงินฝากรวม
นอกจากนี้ ยังคาดการณ์ค่าใช้จ่ายดำเนินงานที่ลดลงเนื่องจากในไตรมาส 1/58 มีการสำรองค่าใช้จ่ายที่เป็นประมาณการหนี้สินของความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นจากคดีความมูลค่า 240 ล้านบาท (ลูกหนี้เดิมที่รับโอนมาจาก SCIB) แต่ในงวดนี้ไม่มี ขณะที่คาดการณ์รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยอื่นๆ ยังเห็นการเติบโตที่ดีต่อเนื่อง ส่วนใหญ่เป็นการบันทึกกำไรจากการขายเงินลงทุนในพันธบัตรและการขาย NPA ต่อเนื่อง ยกเว้นเพียงรายได้ค่าธรรมเนียมฯ ที่ประเมินว่าจะลดลงตามธุรกรรมด้านสินเชื่อ
ด้านคุณภาพสินทรัพย์ยังเห็นพัฒนาการทางบวกโดยคาด NPL ลดเหลือต่ำกว่า 4% ของสินเชื่อรวมในงวดนี้ เนื่องจากการบริหารจัดการ NPL ที่เป็นไปในเชิงรุก โดยคาดค่าใช้จ่ายสำรองหนี้ฯ ทรงตัวจากงวดที่ผ่านมา ภายใต้คาดการณ์ credit cost เท่ากับ 89bp ส่งผลให้ NPL coverage ratio เพิ่มขึ้นมาที่ 100% ส่วน NPL vs SML Coverage ratio เพิ่มขึ้นเป็น 52-53% ของสินเชื่อรวม
ฝ่ายวิจัยยังคงประมาณการผลการดำเนินงานปี 2558-59 โดยคาดกำไรสุทธิปี 2558 จะพลิกกลับมาเติบโตเฉลี่ยที่ 12.3% p.a. แม้จะไม่ได้คาดหวังเกี่ยวกับการฟื้นตัวของธุรกิจหลักได้แก่ เช่าซื้อรถยนต์ซึ่งต้องใช้เวลาในการฟื้นตัวอีกระยะ
แต่ด้วยนโยบายการปรับตัวของบริษัท ทั้งการปรับส่วนผสมของสินเชื่อ การบริหารต้นทุน (เพิ่ม CASA) ผลักดันรายได้ค่าธรรมเนียมฯ และการบริหารคุณภาพสินทรัพย์ (เร่งขาย/ลด NPL เชิงรุก) ซึ่งจะทำให้คาดการณ์การตั้งสำรองหนี้ฯ ในปี 2558 ผ่อนคลายลง และยังช่วยเพิ่ม coverage ratio ขึ้นมาที่ 100% แล้ว การปรับโครงสร้างเงินกองทุน โดยเพิ่ม Tier 1 ให้เป็น CET1 ทั้งจำนวน (Tier 1 ขึ้นมาที่ 10%) ล้วนเป็นปัจจัยสนับสนุนการฟื้นตัวของผลการดำเนินงานอย่างแข็งแกร่งในช่วงที่ภาวะอุตสาหกรรมเอื้ออำนวย
ปรับเพิ่มคำแนะนำลงทุนเป็นซื้อจากเดิมให้เพียงถือเพื่อรับเงินปันผล โดยเพิ่ม Fair value ปี 2558ขึ้นมาที่ 37.50 บาท (จากเดิม 34 บาท) อิง PBV 0.87 เท่า (จากเดิม 0.78 เท่า) ภายใต้คาดการณ์ ROE ระยะยาวที่ 11% และการเติบโตของธุรกิจในระยะยาวที่ 4%
ทั้งนี้ ฝ่ายวิจัยเชื่อว่าราคาหุ้น TCAP จะเริ่มกลับมา outperform และขึ้นไปที่ค่าเฉลี่ย PBV ย้อนหลัง 10 ปีที่ 0.9 เท่า ได้ไม่ยากในช่วงที่พัฒนาการทางบวกเริ่มทยอยเข้ามา เนื่องจากราคาหุ้นปัจจุบันที่ยังมี PBV และ PER ที่ต่ำมาก บวกกับ downside ที่จำกัดภายใต้แผนการซื้อหุ้นคืนที่ค้ำยันราคาหุ้นซึ่งได้ดำเนินการไปกว่า 40% ของเป้าหมายแล้ว (ระยะเวลาดำเนินการช่วง 10 ก.พ. – ส.ค.58)