TASCO เป็นปีทองธุรกิจยางมะตอยคาดกำไรไตรมาส 2/58 สดใสแนะซื้อ

TASCO มองเป็นปีทองธุรกิจยางมะตอย คาดการณ์กำไร ไตรมาส2/58 สดใส ส่วนแนวโน้มไตรมาส 3/58 กำไรทำสถิติสูงสุดใหม่อีกครั้ง สืบเนื่องจากอุปสงค์ที่แข็งแกร่งตามงบประมาณเกี่ยวกับถนนหนทางที่เพิ่มมากขึ้นยังต่างประเทศ โดยเฉพาะที่ประเทศเวียดนาม อินโดนีเซีย รวมทั้งงบประมาณ 40 พันล้านบาท เกี่ยวกับการก่อสร้างเกี่ยวกับถนนหนทางของไทย เราคาดว่าแนวโน้มราคายางมะตอยจะยังคงแข็งแกร่งต่อไป คงคำแนะนำซื้อ แต่ปรับราคาพื้นฐานขึ้นเป็น 27.00 บาท


บล.ดีบีเอสฯ ระบุในบทวิเคราะห์วันนี้ (30 มิ.ย.) ว่าบริษัท ทิปโก้แอสฟัลท์ จำกัด (มหาชน)หรือ TASCO คาดการณ์กำไรไตรมาส2/58 สดใส ปริมาณขายเพิ่มขึ้นเป็น 0.6 ล้านตัน คิดเป็นการเพิ่มขึ้น 40% เทียบไตรมาสก่อนหน้าขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นยังคงแข็งแกร่ง แรงผลักดันมาจากการขาดแคลนสินค้ายางมะตอยในภูมิภาค ซึ่งเกิดจากการกระจายสินค้าเกี่ยวกับเรือขนส่งยางมะตอยที่ไม่เพียงพอ ขณะที่อุปสงค์กลับมีมาก และราคาขายที่สูงก็มีส่วนช่วยผลักดันกำไรใน ไตรมาส2/58 ได้เป็นอย่างดี

อีกทั้งยังมีรายได้เพิ่มเติมมาจากสินค้า bitumen ที่ 2.5 แสนตัน เราคาดว่ากำไรสุทธิ ไตรมาส 2/58 เป็น 1.2 พันล้านบาท (+7% เทียบไตรมาสก่อนหน้าและ เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิเพียง 2 ล้านบาท) ถือเป็นสถิติสูงสุดใหม่ ทางผู้บริหารเล็งเห็นว่าจากแนวโน้มผลการดำเนินงานที่ดีของบริษัท จึงคาดว่าจะมีการจ่ายปันผลสูงในปีนี้ สำหรับราคายางมะตอยล่าสุด ณ 23 มิ.ย.58 ราคาขายในประเทศเป็น 420 เหรียญสหรัฐต่อตัน และราคาขายต่างประเทศเป็น 400 เหรียญสหรัฐต่อตัน

แนวโน้มไตรมาส 3/58 กำไรทำสถิติสูงสุดใหม่อีกครั้ง สืบเนื่องจากอุปสงค์ที่แข็งแกร่งตามงบประมาณเกี่ยวกับถนนหนทางที่เพิ่มมากขึ้นยังต่างประเทศ โดยเฉพาะที่ประเทศเวียดนาม อินโดนีเซีย รวมทั้งงบประมาณ 40 พันล้านบาท เกี่ยวกับการก่อสร้างเกี่ยวกับถนนหนทางของไทย เราคาดว่าแนวโน้มราคายางมะตอยจะยังคงแข็งแกร่งต่อไป เพราะอุปสงค์ที่มีมากและการขาดแคลนเรือขนส่ง ปัจจุบัน TASCO มีเรือสำหรับขนส่งยางมะตอย 11 ลำ เทียบกับทั้งหมดที่มีในภูมิภาคนี้จำนวน 40 ลำ เราเห็นว่ามีโอกาสน้อยมากที่จะสามารถเพิ่มจำนวนเรือภายใน 2-3 ปีนี้ เนื่องจากการต่อเรือต้องใช้เวลาอย่างน้อย 2 ปี นอกจากนี้ TASCO ยังมีโอกาสในธุรกิจใหม่ๆ ด้วยการตั้งบริษัทร่วมทุนแห่งใหม่โดยรวมกับบริษัท SK Energy สำหรับสินค้าที่เกี่ยวกับปิโตรเลียม นอกจากนี้ยังจะมีโครงการใหม่ที่ร่วมกับบริษัทที่ทำธุรกิจยางมะตอยอีก 2 แห่งซึ่งเป็นผู้เล่นรายสำคัญในภูมิภาคอาเซียนภายในปีนี้

คงคำแนะนำซื้อ แต่ปรับราคาพื้นฐานขึ้นเป็น 27.00 บาท ด้วยการปรับประมาณการปี 58 เพิ่มขึ้น 25% ซึ่งมีการปรับขึ้นในสมมุติฐานอัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มเป็น 11.5% จากเดิมที่ 9.8% สืบเนื่องจากราคาน้ำมันที่ทรงตัวในระดับต่ำและราคาขายสินค้าที่ฟื้นตัวได้อย่างแข็งแกร่ง อีกทั้งกำหนดให้ปริมาณขายเพิ่ม 17% จากเดิมที่ 15% ด้านการประเมินมูลค่าหุ้นมีการใช้ P/E ปี 58 ที่ 10.6 เท่า ซึ่งเป็น +0.5 SD ราคาปิดมีส่วนเพิ่มได้อีก 25% ผนวกกับคาดการณ์อัตราผลตอบแทนปันผลปี 58 อีก 3.8%

Back to top button