WHA เก็งกำไร Q2/58 อยู่ที่ 22 ลบ.โบรกฯ แนะทยอยสะสมเมื่ออ่อนตัว

บล. เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) คงแนะนำ “ซื้อ” WHA โดยใช้กลยุทธ์ทยอยสะสมเมื่อราคาอ่อนตัว ประเมินไตรมาส 2/58 จะมีกำไรปกติราว 22 ล้านบาท


บล. เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราห์ (8 ก.ค.) ประเมินเบื้องต้นในไตรมาส 2/58 บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ WHA จะมีกำไรปกติราว 22 ล้านบาท พลิกจากขาดทุน 5 ล้านบาทในไตรมาส 1/58 แต่ยังต่ำกว่าไตรมาส 2/57 ที่ 28 ล้านบาท เนื่องจากแรงกดดันของต้นทุนทางการเงินที่ยังสูงทั้งจากตัวบริษัทเองราว 121 ล้านบาท, HERMAJ ราว 200 ล้านบาท และจากเงินกู้ที่ใช้ในการซื้อกิจการราว 380 ล้านบาท

นอกจากนั้นจากค่าเงินบาทที่อ่อนค่าส่งผลให้ส่วนแบ่งกำไรจากโรงไฟฟ้า Gheco-One ของ HEMRAJ มีแนวโน้มต่ำลงอีกด้วย อย่างไรก็ดีกำไรพิเศษจากขายสินทรัพย์ของ HEMRAJ ราว 102 ล้านบาท จะเข้ามาช่วยเร่งกำไรสุทธิได้เป็นราว 123 ล้านบาท ให้ภาพขยายตัว 340% จากปีก่อน

ขณะที่บริษัทเร่งชำระหนี้ที่รวดเร็วในปีนี้ราว 1.4 หมื่นล้านบาท (เกือบ 50% ของหนี้ที่ใช้ในการซื้อ HEMRAJ) ด้วยการขายสินทรัพย์เข้ากองทุน REIT กำลังดำเนินไปอย่างรวดเร็วนับแต่ ก.ค. นี้ ซึ่งหากทำได้ตามแผนบริษัท บนสมมติฐานกำไรขั้นต้น 25% การขายทรัพย์นี้จะสร้างกำไรได้ราว 3 พันล้านบาท และเมื่อรวมกับกำไรของ HEMRAJ สัดส่วน 92.88% ที่ราว 8 เดือนที่ 2 พันล้านบาท แล้วหักดอกเบี้ยจ่ายสูงราว 1.1 พันล้านบาท WHA จะยังเหลือกำไรสุทธิปี 2558 สูงกว่า 5.3 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 446% จากปีก่อนและจะอ่อนตัวลงเป็น 4.6 พันล้านบาทในปี 2559 ตามขนาดการขายสินทรัพย์ล๊อตสุดท้าย จากนั้นจะเริ่มเห็นฐานกำไรปกติแข็งแรง 3.4 พันล้านบาทในปี 2560 แล้วเติบโตต่อไป

ส่วนในแง่ของการประเมินมูลค่า หักกำไรจากการขายทรัพย์ออกไป เนื่องจากวัตถุประสงค์หลักเป็นเรื่องของการชำระหนี้ ให้คงเหลือแต่กำไรจากการดำเนินงานของ WHA และ HEMRAJ จะได้ EPS15F ที่ 0.17 บาท/ หุ้น (+63% จากปีก่อน) และเมื่ออิง PE เป้าหมายเดิม 30 เท่า ราคาเหมาะสมปี 2558 จึงถูกปรับเป็น 5 บาท/ หุ้น ขณะที่ปี 2559 เมื่อได้ประโยชน์เต็มปีจาก HEMRAJ ผนวกกับดอกเบี้ยจ่ายลดลง 22% ราคาเหมาะสมมีแนวโน้มสูงได้ถึง 6.90 บาท/ หุ้น

คำแนะนำการลงทุนจากแรงกดดันของต้นทุนการเงินในปีนี้ ทำให้แนวโน้มกำไรปกติ (ในกรณีที่ไม่รวมกำไรจากการขายสินทรัพย์เพื่อชำระหนี้) จะไปเริ่มเด่นชัดในช่วงปี 2559 กอปรกับภาวะตลาดหุ้นที่อ่อนแอ ดังนั้นคงแนะนำ “ซื้อ” โดยใช้กลยุทธ์ทยอยสะสมเมื่อราคาอ่อนตัว

Back to top button