VGI คาดกำไร 1Q58-59 ไม่ฟื้นตัวโบรกฯปรับลดคำแนะนำเป็นเต็มมูลค่า
VGI เม็ดเงินค่าใช้จ่ายโฆษณาต้นปีถึงปัจจุบัน (YTD) แม้โต 26% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนแต่หากตัดสื่อดิจิตัล ทีวี ออกไป เพราะมีการแกว่งตัวสูง พบว่ายังลดลง 7% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนสะท้อนภาวะเศรษฐกิจไทยและกำลังซื้อในประเทศที่ชะลอตัวลงคาดว่าเมื่อเกิดปัจจัยลบใหม่คือ ภัยแล้งเข้ามาซ้ำเติม จะทำให้เม็ดเงินค่าใช้จ่ายโฆษณาในครึ่งหลังปีนี้ฟื้นตัวได้น้อย ส่วนคาดการณ์กำไรหลักไตรมาส1/58-59 (สิ้น มิ.ย.58)เป็น 255 ล้านบาท ลดลง 10% เทียบไตรมาสก่อนหน้า แม้ได้พ้นฤดูกาลที่ต่ำสุดในงวดไตรมาส4/57-58 (ม.ค.-มี.ค.58) ก็ตาม อีกทั้งยังลดลง 1% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนถือว่าไม่มีการฟื้นตัว เป็นสัญญาณไม่ดีปรับลดคำแนะนำเป็น เต็มมูลค่า จาก ถือ เพราะหุ้นขึ้นมาเกินราคาพื้นฐานแล้ว นอกจากนี้มีโอกาสที่จะปรับประมาณการกำไรตลอดปีนี้ลง เพราะสัดส่วนกำไรหลัก ไตรมาส1/58-59 (สิ้น มิ.ย.58)เป็นเพียง 22% เทียบกับประมาณการทั้งปี 58-59
บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส ระบุในบทวิเคราะห์วันนี้ (17 ก.ค. ) ว่า บริษัท วี จี ไอ โกลบอล มีเดีย จำกัด (มหาชน) หรือ VGI เม็ดเงินโฆษณา 5M58 เติบโตสูง แต่เพราะทีวีดิจิทัล รวมทั้งหมดเป็น 57,112 ล้านบาท เติบโตถึง 26% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนแต่เนื่องจากการโฆษณาด้วยสื่อทีวีดิจิตัลได้เริ่มขึ้นตั้งแต่ เม.ย.57 ซึ่งจำนวนช่องจะทยอยเพิ่มขึ้นทำให้เม็ดเงินโฆษณาแกว่งตัวสูงคือ 5M58 เป็น 15,369 ล้านบาท เพิ่มถึง 2,440% ดังนั้นเพื่อการพิจารณาที่ถูกต้องมากยิ่งขึ้น เมื่อไม่นับสื่อทีวีดิจิตัลพบว่าเม็ดเงินโฆษณาเป็น 41,743 ล้านบาท ลดลง 7% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนซึ่งเป็นการสะท้อนภาวะเศรษฐกิจไทยและกำลังซื้อในประเทศที่ชะลอตัวลงอย่างเห็นได้ชัด
ปัจจัยลบใหม่คือ ภัยแล้ง ซ้ำเติมปัจจัยลบเดิม จากการประเมินของ ธปท. พบว่าปัญหาภัยแล้งจะกระทบ GDP ไทยให้ลดลงอีก 0.1%-0.5% ถือว่าเป็นปัจจัยลบใหม่ที่คาดว่าในที่สุดจะมากระทบทางลบต่อเม็ดเงินโฆษณาในงวดครึ่งหลังปีนี้ได้อีก จากเดิมที่คาดว่าจะฟื้นตัวได้ ซ้ำเติมปัจจัยลบเดิมที่ราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ การอัดฉีดเม็ดเงินกระตุ้นเศรษฐกิจภาครัฐล่าช้า ซึ่งล่าสุดมีแนวโน้มว่าการประมูลรถไฟฟ้าจะเลื่อนไปปีหน้าแล้ว ภาคส่งออกและการลงทุนใหม่ๆยังไม่ฟื้นตัว
คาดการณ์กำไรหลักไตรมาส1/58-59 ยังไม่ฟื้นตัว เป็น 255 ล้านบาท ลดลง 10% q-o-q แม้ได้พ้นฤดูกาลที่ต่ำสุดในงวดไตรมาส4/57-58 (ม.ค.-มี.ค.58) ก็ตาม อีกทั้งยังลดลง 1% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนก็ถือว่าไม่มีการฟื้นตัว เป็นสัญญาณไม่ดี ทั้งนี้คาดว่ารายได้เป็นเพียง 566 ล้านบาท ลดลง 26% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนและ 8% q-o-q ตามลำดับ เนื่องจากบริษัทได้ยุติธุรกิจโฆษณาในส่วนโมเดิร์นเทรด จึงไม่มีรายได้ในส่วนนี้ สำหรับโฆษณาในส่วน BTS เราให้มีการเติบโต 17% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนต่ำกว่าอุตสาหกรรมที่ส่วนโฆษณา Transit เพิ่ม 19% สำหรับ 2 เดือนแรกของไตรมาส ด้านอาคารสำนักงานเพิ่ม 38% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนจากจำนวนอาคารที่ได้สัญญาเพิ่มขึ้น
ที่น่าสังเกตคืออัตรากำไรขั้นต้น ไตรมาส1/58-59 (สิ้น มิ.ย.58)สูงเพิ่ม เป็น 67.5% เนื่องจากปกติโมเดิร์นเทรดให้อัตรากำไรขั้นต้นต่ำหรือติดลบ เมื่อไม่มีแล้ว ขณะที่โฆษณา BTS มีอัตรากำไรขั้นต้นสูงเป็น 74% แต่อาคารสำนักงานยังมีอัตรากำไรขั้นต้นต่ำคือ 11% ซึ่งมีค่าเสื่อมราคาสูง ตามจำนวนจอ LED ที่เพิ่มขึ้น ด้านสัดส่วนค่าใช้จ่ายขาย-บริหารลดลงเป็น 13% เทียบกับ เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ 15.1% ตามการลดในส่วนโมเดิร์นเทรดออกไป อย่างไรก็ตามคาดว่ากำไรสุทธิ ไตรมาส1/58-59 (สิ้น มิ.ย.58) เติบโตก้าวกระโดดถึง 1,597% เพราะฐาน q-o-q มีการตั้งสำรองพิเศษการยกเลิกธุรกิจโมเดิร์นเทรดและค่าใช้จ่ายการรับประกันรายได้ขั้นต่ำจากบริษัทร่วมคือ MACO ขณะที่คาดว่า ไตรมาส1/58-59 (สิ้น มิ.ย.58) ไม่มีรายการพิเศษ
ปรับลดคำแนะนำเป็นเชิงลบคือ เต็มมูลค่า (Fully Valued) จาก ถือ เพราะราคาหุ้นขึ้นมาจนเกินราคาพื้นฐานแล้ว นอกจากนี้มีโอกาสที่จะปรับประมาณการกำไรตลอดปีนี้ลง เพราะสัดส่วนกำไรหลัก ไตรมาส1/58-59 (สิ้น มิ.ย.58) เป็นเพียง 22% เทียบกับประมาณการทั้งปี 58-59 ขณะที่สภาพแวดล้อมโดยรวมธุรกิจโฆษณายังไม่สดใส เพราะเป็นค่าใช้จ่ายประเภทแรกๆที่จะถูกตัด เมื่อกิจการต่างๆต้องรัดเข็มขัด ปัจจัยภัยแล้งก็เป็นปัจจัยใหม่มาซ้ำเติม สำหรับราคาพื้นฐานประเมินด้วย P/E ปี 58 ที่ 30 เท่า ราคาพื้นฐานต่ำกว่าราคาปิด 3% ดังนั้นในอนาคตหากมีการปรับลดประมาณการอีก ราคาพื้นฐานจะปรับลงได้อีก ส่วนเป้าบริษัทปีนี้ที่คาดว่ารายได้จะลดลง 12% เมื่อไม่มีโมเดิร์นเทรด ก็มีโอกาสจะลดลงได้มากกว่านี้