PLE มีลุ้นได้งานรับเหมาช่วงสายสีเขียวแนะซื้อเก็งกำไรราคาเป้าหมาย 1.61 บ.

PLE ข่าวดีคือ บริษัทได้รับจดหมายแสดงเจตจำนงค์จาก STEC ที่จะให้ PLE รับเหมาช่วงรถไฟฟ้าสายสีเขียว สัญญา 3 มูลค่า 3.3 พันล้านบาท ช่วง 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมามีโอกาสได้งานก่อสร้างเพิ่มเข้ามามากถึง 7 พันล้านบาท แม้ไตรมาส 2/58มีแนวโน้มจะมีผลขาดทุนคล้ายไตรมาส1/58เพราะงานก่อสร้างรถไฟฟ้าสีม่วงยังให้ผลลบ แต่แนวโน้มครึ่งหลังปี 58 จะสดใสขึ้น หลังส่งมอบงานรถไฟฟ้าจบแล้ว ขณะที่งานใหม่ๆให้อัตรากำไรขั้นต้นดีขึ้น หากบริษัทสามารถขายโรงไฟฟ้าชีวมวล และ SOHO ได้สำเร็จ ก็จะทำให้ปัจจัยพื้นฐานคลี่คลายไปในทางที่ดี อีกทั้งบริษัทกำลังหาพันธมิตรผู้รับเหมาก่อสร้างรายใหญ่จากประเทศจีน เพื่อประมูลงานขนาดใหญ่ในปีหน้าคำแนะนำ เพียงซื้อเก็งกำไร


บล.ดีบีเอสฯ ระบุในบทวิเคราะห์วันนี้ (23 ก.ค.) ว่า STEC มีโอกาสให้งานรับเหมาช่วงกับ บริษัท เพาเวอร์ไลน์ เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ PLE เป็นงานรถไฟฟ้าสายสีเขียวสัญญา 3 ก่อสร้างศูนย์ซ่อมบำรุง (Depot) และอาคารจอดรถ Park & Ride มูลค่างาน 3.3 พันล้านบาท คาดว่าจะมีการลงนามในสัญญาประมาณ กลางเดือน ส.ค.58 สำหรับงานนี้คาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ในเกณฑ์น่าพอใจที่ 8-10% ส่วน STEC ก็ได้รับผลตอบแทนจากส่วนต่างในการเป็นผู้รับเหมาหลัก โดยลักษณะการทำงานจะเป็นแบบ Back to Back กัน

ในช่วง 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมามีโอกาสได้รับงานมากเป็นพิเศษ มูลค่างาน 7 พันล้านบาท จากก่อนหน้าได้รับงานตั้งแต่ต้นปีเพียง 2.5 พันล้านบาท รวมได้รับงานถึงปัจจุบันเป็น 16 โครงการ มูลค่า 9.5 พันล้านบาท อายุงานก่อสร้างเฉลี่ย 2-4 ปี นอกจากงานรถไฟฟ้าสายสีเขียวก็มีงาน อาคารสำนักงาน ธปท., ศูนย์กระจายสินค้าภูมิภาค RDC สุราษฎร์ธานี, The Saint Residence วิภาวดีฯ, มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ ส่วนอาคารศูนย์การแพทย์, Noble รีโว สีลม และโรงพยาบาล บางประกอก ยังขาดอีกประมาณ 5.5 พันล้านบาท ที่บริษัทจะประมูลเพิ่มเพื่อให้ได้เป้าปีนี้ที่ 15 พันล้านบาท

อีกทั้งประมูลงานก่อสร้างเพิ่มอีกหลายงาน เช่น งานก่อสร้างของการไฟฟ้านครหลวง เขตคลองเตย มูลค่าประมาณ 3 พันล้านบาท แต่มีคู่แข่งหลายราย งานบางประกง เทอร์ไบน์ ไซเคิล 2.3 พันล้านบาท งานอาคาร HMPRO พระราม 3 มูลค่า 500 ล้านบาท งาน MS Siam Tower พระราม 3 มูลค่า 370 ล้านบาท และงานส่วนวางระบบ โรงพยาบาล บางประกอก มูลค่า 240 ล้านบาท เป็นต้น สำหรับมูลค่างานในมือ (Backlog) ไม่นับรวมงานใหม่ที่กล่าวข้างต้นเป็น 7 พันล้านบาท สามารถรับรู้รายได้ปีนี้ประมาณ 4 พันล้านบาท และส่วนที่เหลืออีก 3 พันล้านบาทในปีหน้า

แนวโน้มกำไรครึ่งหลังปี 58 สดใสขึ้น แม้ไตรมาส 2/58 มีแนวโน้มจะมีผลขาดทุนคล้ายไตรมาส1/58 ซึ่งมีผลขาดทุนถึง 161 ล้านบาท เพราะงานก่อสร้างรถไฟฟ้าสีม่วงในนามบริษัทร่วมทุน PAR ยังให้ผลลบ ตามการก่อสร้างที่มีความล่าช้ากว่าแผน ค่าใช้จ่ายด้าน overhead จึงสูง

อีกทั้งสำหรับธุรกิจโรงไฟฟ้าชีวมวลที่ใช้แกลบเป็นวัตถุดิบ ก็ขาดแคลนวัตถุดิบ และธุรกิจอสังหาฯที่ผ่านบริษัทย่อยคือ สิทธารมย์ ก็เหลือโอนน้อยแล้วเพียง 13 หลังจากทั้งหมด 342 หลัง แต่แนวโน้มครึ่งหลังปี 58 จะสดใสขึ้น หลังส่งมอบงานรถไฟฟ้าสายสีม่วงจบแล้ว ขณะที่งานใหม่ๆให้อัตรากำไรขั้นต้นดีขึ้น ทั้งนี้จากเป้ารายได้ก่อสร้างปีนี้ที่ 8 พันล้านบาท จะเป็นส่วนครึ่งปีแรกที่ 2.7-2.8 พันล้านบาท และในส่วนครึ่งปีหลังอีก 5.2-5.3 พันล้านบาท

อย่างไรก็ตามมีเป้าหมายการขายศูนย์การค้า SOHO และโรงไฟฟ้าที่อยุธยา ทั้งนี้มีแนวโน้มว่าจะขายโรงไฟฟ้าชีวมวล ที่ใช้แกลบเป็นวัตถุดิบได้ก่อนศูนย์การค้า SOHO ขณะนี้กำลังเจรจากับกลุ่มมิตรผลอยู่ หากขายได้สำเร็จจะมีมูลค่าการขายที่ประมาณ 550-600 ล้านบาท

ด้าน SOHO ซึ่งปัจจุบันเหลืออายุการเช่าที่ดิน 22 ปีนั้น บริษัทคาดว่ามูลค่าการขายจะอยู่ที่ 1.2-1.5 พันล้านบาท ซึ่งทาง บลจ.กรุงไทยซึ่งเป็นที่ปรึกษาทางการเงินจะมีการเปิดให้ประมูลในอนาคตนี้ วัตถุประสงค์เมื่อได้รับเงินจากการขายคือ ไปชำระหนี้ และส่วนที่เหลือนำไปลงทุนในโครงการใหม่ๆได้ อย่างไรก็ตามเมื่อขายได้จะมีข้อเสียคือ ต้องตั้งสำรองจากเงินลงทุน (impairment) คือ 100 ล้านบาทสำหรับโรงไฟฟ้า และ 400 ล้านบาทสำหรับ SOHO แต่ด้านเงินสดจะไม่มีผลกระทบคือ ได้รับเต็มจำนวน

ด้านคดีฟ้องร้องบริษัทเทคเนอร์ยังอยู่ระหว่างพิจารณา กรณีบริษัทย่อยเทคเนอร์ซึ่งปัจจุบันได้ปิดบริษัทไปแล้ว เคยทำธุรกิจบ้านเอื้ออาทรและถูกการเคหะฯฟ้องร้องกรณีทำงานล่าช้า เรื่องคดียังอยู่ในการพิจารณาของศาลปกครองที่มีการพิจารณาสองศาล คือ ศาลปกครองกลางและศาลปกครองสูงสุด สิ่งที่จะกระทบ PLE คือ ในกรณีไม่ดีคือ การเคหะฯชนะ PLE ต้องจ่ายเพิ่ม 300 ล้านบาท แต่ได้มีการตั้งสำรองก่อนหน้าแล้ว 286 ล้านบาท จึงกระทบการตั้งสำรองเพิ่มไม่มากเป็น 14 ล้านบาท

กำลังหาพันธมิตรจีนเพื่อประมูลงานรถไฟขนาดใหญ่ ที่คาดว่าจะออกมาปีหน้า ได้แก่ รถไฟทางคู่ โดยปกติบริษัทจะมีคุณสมบัติไม่เพียงพอต่อการประมูล ต้องหาพันธมิตรตั้งบริษัทร่วมทุน จึงต้องติดตามต่อไปว่าในที่สุดแล้วจะสำเร็จไหม

คำแนะนำ ซื้อเก็งกำไร เป็นที่ทราบกันดีว่า PLE ไม่ได้เป็นหลักทรัพย์ที่มีปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่ง และมีข้อด้อยคือ แนวโน้มผลการดำเนินงานที่ไม่ดี และผันผวนระหว่างไตรมาสสูง โดยเฉพาะปัญหาเกี่ยวกับการควบคุมต้นทุนก่อสร้าง อีกทั้งมีภาระหนี้เงินค่อนข้างสูง ณ สิ้นไตรมาส 1/58 อัตราส่วนหนี้สินสุทธิต่อทุนเป็น 1.4 เท่า แต่การที่ราคาหุ้นปรับตัวลงใกล้ยอดต่ำสุดในรอบ 3 ปี เราเห็นว่าราคาหุ้นปรับลงมามากเกินไป ขณะที่แนะนำเพียงซื้อเก็งกำไรระยะสั้นในเรื่องการได้รับงานมากในระยะเวลาอันสั้น และแนวโน้มผลการดำเนินงานครึ่งหลังปี 58 ที่มีแนวโน้มดีกว่า ครึ่งแรกปี 58 เท่านั้น

Back to top button