PTTEP ผลงานไตรมาส 1/63 แข็งแกร่งรับปริมาณขายพุ่ง แนะซื้อเป้า 142 ชูอัพไซด์สูง!
PTTEP ผลงานไตรมาส 1/63 แข็งแกร่งรับปริมาณขายพุ่ง แนะซื้อเป้า 142 ชูอัพไซด์สูง!
บล.คิงส์ฟอร์ด ระบุในบทวิเคราะห์ (31 ม.ค.63) ว่า PTTEP รายงานผลประกอบการ ไตรมาส 4/62 มีกำไรสุทธิ 11,620 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 32% จากช่วงเดียวกันเมื่อปีก่อน และ เพิ่มขึ้น 6% จากไตรมาสก่อนใกล้เคียงกับที่คาด โดยค่าเงินบาทแข็งค่าจากสิ้นไตรมาสก่อนหน้า ทำให้มีกำไรจากผลประโยชน์ทางภาษีราว 40 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
อย่างไรก็ตามบางส่วนถูก Offset จากผลขาดทุน Oil Hedging ราว 25 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เนื่องจากราคาน้ำมันดิบสิ้นงวดที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น สำหรับกำไรปกติเพิ่มขึ้น 23% จากไตรมาสก่อน/จากช่วงเดียวกันเมื่อปีก่อน อยู่ที่ 11,480 ล้านบาท หนุนโดยปริมาณขายปิโตรเลียมเพิ่มขึ้น 12% จากไตรมาสก่อน อยู่ที่ 395 KBOED จากการรับรู้ปริมาณขายของ Murphy เข้ามาเต็มไตรมาสและ Partex ตั้งแต่ต้นเดือน พ.ย.62 ส่วนราคาขายปิโตรเลียมเฉลี่ย (ASP) เพิ่มขึ้น 5% จากไตรมาสก่อน อยู่ที่ 48.3 $/BOE
โดยราคาน้ำมันดิบและคอนเดนเสทเฉลี่ย 5% จากไตรมาสก่อน ที่ 61.9 $/bbl ตามทิศทางตลาดโลก ส่วนราคาขายก๊าซฯ เฉลี่ยเพิ่มขึ้น 3% จากไตรมาสก่อน ที่ 7 $/MMBTU จากการปรับเพิ่มราคาขายก๊าซฯ ในอ่าวไทยช่วงเดือน ต.ค.62 ขณะที่ต้นทุนการผลิตต่อหน่วยเพิ่มขึ้น 5.8% จากไตรมาสก่อน อยู่ที่ 33.8 $/BOE จากการบันทึกค่าใช้จ่ายพิเศษของแหล่งบงกช ส่งผลให้ EBITDA Margin อยู่ที่ 67% ลดลงจากไตรมาส 3/62 ที่ 69% รวมแล้วกำไรสุทธิทั้งปี 62 อยู่ที่ 4.88 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 35% จากช่วงเดียวกันเมื่อปีก่อนดีกว่าประมาณการของเรา 2%
สำหรับแนวโน้มไตรมาส 1/63คาดกำไรปกติ 1.1-1.2 หมื่นล้านบาท แข็งแกร่งต่อเนื่องจากปริมาณขาย แม้ราคาน้ำมันดิบระยะสั้นค่อนข้างผันผวนมีปัจจัยกดดันจาก 1) การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่อาจส่งผลให้ความต้องการใช้น้ำมันมีแนวโน้มปรับลดลง 2) การผลิตและการส่งออกน้ำมันดิบของสหรัฐฯ ยังอยู่ในระดับสูง อย่างไรก็ตามยังพอมีปัจจัยบวกจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีนผ่อนคลาย ความเสี่ยงทางด้านภูมิรัฐศาสตร์ระหว่างสหรัฐฯ-อิหร่าน และกลุ่ม OPEC+ อาจมีการปรับลดกำลังการการผลิตเพิ่มเติมหรือขยายเวลาออกไปจากที่จะสิ้นสุดในเดือน มี.ค.63 ทั้งนี้เรายังคงมุมมอง Conservative ว่าระยะกลางช่วงครึ่งปีหลังของปี 63 ราคาน้ำมันมีแนวโน้มอ่อนตัวลงจากอุปทานทางฝั่งสหรัฐฯ ที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
ทั้งนี้จึงคงสมมติฐานราคาน้ำมันดิบดูไบเฉลี่ยปี 63 ที่ 60 $/bbl เทียบกับปีก่อนที่ 63.5 $/bbl ส่วนราคาก๊าซฯ คาดอยู่ราว 6.4-6.5 $/MMBTU แนวโน้มทยอยปรับลดลงหลังไตรมาส 1/63 จากผลของมาตรการ IMO 2020 เนื่องจากสูตรราคาขายก๊าซฯ ส่วนหนึ่งผูกกับราคา HSFO แต่จะชดเชยด้วยปริมาณขายปิโตรเลียม 3.9 แสนบาร์เรลต่อวัน เพิ่มขึ้น12% จากช่วงเดียวกันเมื่อปีก่อนจากการรับรู้ Murphy & Partex เต็มปี โดยคงประมาณการกำไรปกติปี 63 ที่ 45,326 ล้านบาท ทรงตัวจากปีก่อน
โดยประเมินมูลค่าเหมาะสมปี 63 ด้วยวิธี DCF ได้ราคาเป้าหมาย 142.00 บาท มี Upside จากราคาปัจจุบันราว 13% อย่างไรก็ตามเนื่องจากเงินบาทที่กลับมาอ่อนค่าและราคาน้ำมันดิบยังถูกกดดันจากการระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ซึ่งถึงตอนนี้ยังมีผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้น เราจึงแนะนำ “ซื้อเก็งกำไร” ในเชิงกลยุทธ์หากควบคุมสถานการณ์ได้ราคาน้ำมันน่าจะฟื้นตัวได้ดี โดยประเมิน Sensitivity Analysis หากราคาน้ำมันดิบดูไบเฉลี่ยปรับเพิ่มทุก ๆ 1 $/bbl จะทำให้มี Upside ต่อประมาณการของเราประมาณ 900 ล้านบาท รวมถึงบริษัทประกาศจ่ายเงินปันผลงวด ครึ่งปีหลังของปี 62 ที่ 3.75 บาทต่อหุ้น คิดเป็น Dividend Yield ราว 3% โดยจะขึ้น XD วันที่ 13 ก.พ.63