ขาย THAI เลี่ยงลงทุนระยะสั้นไปก่อนQ2/58 เสี่ยงพลิกขาดทุนเกินหมื่นล้าน

บล.เอเซีย พลัส ระบุในบทวิเคราะห์ (4 ส.ค.) ว่า ผลประกอบการไตรมาส 2/58 ของบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) หรือ THAI มีแนวโน้มตกต่ำกว่าฝ่ายวิจัยเคยประเมิน ตามผลช่วงนอกฤดูกาลและเศรษฐกิจโลกซบเซากดดันทั้งจำนวนผู้ใช้บริการ และอัตราค่าโดยสาร (Passenger Yield) ในไตรมาส 2/58 ลดลงเกินคาด ทำให้คาดรายได้ค่าบริการลดลงถึง 23.8% จาหไตรมาสก่อน มาที่ 3.9 หมื่นล้านบาท ขณะที่ต้นทุนหลักน้ำมันคาดทรงตัวจากไตรมาส 1/58

แม้ THAI ลดกำลังให้บริการลง 7.7% จากไตรมาสก่อน แต่มีส่วนหักล้างจากทั้งราคาน้ำมันโลกเฉลี่ยไตรมาส 2/58 เพิ่มขึ้น 18% จากไตรมาสก่อน และ เงินบาทต่อดอลลาร์เฉลี่ยที่อ่อนตัว 1.9% จากไตรมาสก่อน อย่างไรก็ตาม คาดต้นทุนอื่นๆที่จะลดลงตามกำลังให้บริการช่วยให้ต้นทุนดำเนินงานปรับตัวลง 3.5% จากไตรมาสก่อน มาที่ 4.4 หมื่นล้านบาท จึงคาดว่าจะทำให้ THAI พลิกจาก
ที่มีกำไรในไตรมาส 1/58 มามีขาดทุนปกติในงวดนี้ที่ 5.9 พันล้านบาท (ลดลง 20% จากไตรมาสเดียวกันในปีก่อน)

ทั้งนี้ เนื่องจากคาด THAI มีรายจ่ายพิเศษสุทธิในไตรมาส 2/58 อีก 8.8 พันล้านบาท (ขาดทุน FX 4.8 พันล้านบาท และสำรองรายจ่ายโครงการพนักงานเกษียณก่อนกำหนด 4 พันล้านบาท) ภาพรวมส่งผลให้คาดว่า THAI จะเผชิญพลิกจากกำไรในไตรมาส 1/58 มามีขาดทุนสุทธิในไตรมาส 2/58 ที่ 1.47 หมื่นล้านบาท และเพิ่มขึ้น 92.2% จากไตรมาสเดียวกันในปีก่อน)

 

คาดว่าผลประกอบการไตรมาส 2/58 จะเป็นจุดต่ำสุดของปี แต่ไตรมาส 3/58 น่าจะยังมีผลขาดทุนบ้าง แม้จะไม่มีการรับรู้รายการพิเศษ โดยเฉพาะค่าเกษียณอายุพนักงานดังเช่นไตรมาส 2/58 แล้ว ขณะที่ขาดทุน FX น่าจะลดลงมากจากไตรมาส 2/58 (เงินบาทต่อยูโร ซึ่งเป็นหนี้สินสกุลหลัก อ่อนค่าน้อยลง) อีกทั้งยังเริ่มเห็นสัญญาณฟื้นตัวยอดจองที่นั่งเดือน ก.ค. ส.ค. และ ก.ย. ซึ่งคิดเป็นอัตราส่วนบรรทุกผู้โดยสาร (Cabin Factor) กลับมาอยู่ 76%, 70% และ 43% ซึ่งคาดช่วยให้ภาพรวม Cabin Factor ไตรมาส 3/58 สูงเกิน 70% (เทียบกับไตรมาส 2/58 ซึ่งอยู่ที่ 69.5% แต่ยังต่ำกว่าจุดคุ้มทุนราว 73%) กอปรกับยังมีอานิสงส์ราคาน้ำมันไตรมาส 3/58 (จากช่วงต้นปี) ที่ลดลง 8% จากไตรมาสก่อน

ขณะที่ไตรมาส 4/58 จะมีผลบวกช่วงฤดูกาลที่คาดช่วยให้ THAI กลับมามีกำไรได้อีกครั้ง หนุนภาพรวมผลประกอบการครึ่งปีหลังของปี 58 น่าจะอยู่ในระดับใกล้เคียงคุ้มทุนได้ อย่างไรก็ตาม ด้วยคาดการณ์ผลขาดทุนสุทธิในครึ่งปีแรกที่ 1 หมื่นล้านบาท แย่กว่าประมาณการทั้งปีนี้ที่คาดขาดทุนสุทธิ 7.8 พันล้านบาท ส่งผลให้ฝ่ายวิจัยมีแนวโน้มทบทวนปรับลดประมาณการภายหลังประกาศผลประกอบการในไตรมาส 2/58 นี้

 

ทั้งนี้เชื่อว่าราคาหุ้นปัจจุบันยังไม่ตอบรับข่าวร้ายผลประกอบการไตรมาส 2/58 ที่จะออกมาตกต่ำ ในเชิงกลยุทธ์จึงแนะนำให้ขาย/เลี่ยงลงทุน แม้คำแนะนำด้านพื้นฐานยังคงให้ “ถือ” รอการฟื้นตัวในระยะยาวราคาเป้าหมาย 15.30 บาท