AMATA ราคาปรับลงต่อเนื่อง จน Upside เริ่มสูงหวังประเด็นนำ AMATA VN เข้าตลาดฯช่วยหนุน
แม้การโอนที่ดินใน Q2/58 จะทำได้เพียง 150 ไร่ แต่ยังมีกำไรพิเศษจากการขายโรงงานให้เช่าเข้ากอง REIT (AMATAR) ช่วยหนุนให้กำไรสุทธิฟื้นตัวได้ ส่วนแผนการนำ AMATA VN เข้าจดทะเบียนในตลาดฯ คาดว่าจะเข้าเทรดได้ภายในช่วง Q4/58 โบรกฯแนะนำซื้อราคาเป้าหมาย 18.7 บาท
บล.เอเซีย พลัส ระบุในบทวิเคราะห์ (6 ส.ค.) ว่า ฝ่ายวิจัยคาดกำไรสุทธิของบริษัท อมตะ คอร์ปอเรชัน จำกัด (มหาชน) หรือ AMATA ในไตรมาส 2/58 ที่ 458 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.4 เท่าตัว จากไตรมาสก่อน หลักๆ มาจากการขายสินทรัพย์โรงงานให้เช่าเข้ากอง REIT (AMATAR) ซึ่งคาดว่าจะมีกำไรพิเศษหลังหักภาษีเข้ามาราว 418 ล้านบาท (เป็นการรับรู้เฉพาะส่วนที่ขายแบบ Freehold 35%)
ขณะที่กำไรจากการดำเนินงานปกติคาดว่าจะทำได้ 40 ล้านบาท เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ขาดทุน 12 ล้านบาท แต่ลดลง 70% จากไตรมาสก่อน เนื่องจากยอดโอนที่ดินในไตรมาส 2/58 ทำได้ค่อนข้างต่ำราว 150 ไร่ ลดลง 33% จากไตรมาสก่อน โดยการโอนส่วนใหญ่ 67% จะมาจากนิคมอมตะซิตี้ และที่เหลือเป็นของนิคมไทย-จีน และนิคมอมตะเวียดนาม
ส่วนการโอนที่ดินของนิคมอมตะนครที่มีราคาขายสูง 7.5 ล้านบาท/ไร่ และมี Gross Margin สูง 60-65% ถูกเลื่อนออกไปเป็นไตรมาส 3/58 จึงคาดว่าจะทำให้รายได้จากการขายที่ดินของ AMATA ในไตรมาส 2/58 ปรับลงราว 24% จากไตรมาสก่อน เป็น 506 ล้านบาท อีกทั้งยังสร้างแรงกดดันให้ Gross Margin ของธุรกิจขายที่ดินน่าจะยังอยู่ในระดับต่ำ 40% ใกล้เคียงกับไตรมาสก่อนหน้า
สำหรับสถานการณ์ยอดขายที่ดินใหม่ (Pre-land Sales) ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 58 อยู่ที่ 408 ไร่ คิดเป็น 40.8% ของเป้าหมายทั้งปีที่ระดับ 1,000 ไร่ ซึ่งยังพอมีโอกาสที่จะทำได้ตามแผน ส่วน Backlog ปัจจุบันที่มีอยู่ราว 2.4 พันล้านบาท AMATA พยายามที่จะเร่งโอนทั้งหมดให้ทันภายในปีนี้ แต่ในจุดนี้ฝ่ายวิจัยมองว่าค่อนข้างลำบาก
หรือในกรณีที่สามารถโอนได้ตามเป้าก็จะทำให้เหลือ Backlog ไปรอโอนในปี 2559 ในระดับต่ำ จึงทำให้ฝ่ายวิจัยมีมุมมองเชิงลบต่อแนวโน้มรายได้จากธุรกิจขายที่ดินในช่วง 1-2 ปีนี้ อย่างไรก็ตาม แผนการนำบริษัทย่อย AMATA VN ซึ่งดำเนินธุรกิจพัฒนานิคมฯที่เวียดนามเข้าตลาดหลักทรัพย์ในช่วงไตรมาส 4/58 เชื่อว่าจะเป็นประเด็นที่สร้าง Sentiment เชิงบวกให้กับ AMATA ได้
ฝ่ายวิจัยประเมินมูลค่าพื้นฐาน AMATA อิง Norm PER ที่ 16 เท่า ได้ราคาเหมาะสมที่ 18.7 บาท โดยราคาหุ้นที่ปรับลงแรงในช่วงที่ผ่านมาทำให้มี Upside สูงถึง 36.5% เมื่อประกอบกับผลประกอบการในไตรมาส 2/58 ที่คาดจะมีกำไรสุทธิเติบโตโดดเด่นจากการขายสินทรัพย์เข้า REIT จึงแนะนำ “ซื้อ”